โดยทั่วไปแล้ว ผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนสายเกมมิ่งที่ต้องการเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ อย่าง ROV หรือ PUBG มักจะเลือกซื้อแต่มือถือระดับเรือธง (Flagship) ที่มาพร้อมสเปกแรง ๆ มีซีพียูและการ์ดจอระดับสูงเพื่อให้ได้ภาพเฟรมเรทสูง ๆ จะได้เล่นได้อย่างลื่นไหลไม่มีสะดุด รวมถึงมีแบตเตอรี่อึด ๆ เพื่อให้เล่นเกมได้ยาวนานหลายชั่วโมง แต่ทราบหรือไม่ว่าตลาดมือถือในปี 2022 นี้ มีสมาร์ทโฟนราคาย่อมเยาแต่สามารถเล่นเกมกราฟิกสูง ๆ ได้ไม่ต่างจากมือถือระดับท็อปให้คนที่มีงบจำกัดได้เลือกซื้อกันหลายรุ่นหลายยี่ห้อ ซึ่งวันนี้เราก็มี 7 มือถือเล่น ROV ลื่น ๆ ในราคาไม่เกิน 10,xxx บาท ประจำปี 2022 มาฝากกัน
1. POCO F3
สมาร์ทโฟนราคาต่ำหมื่นแต่มาพร้อมสเปกแรงระดับน้อง ๆ เรือธง รันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย MIUI 12 ใช้ซีพียูตัวแรงระดับรองท็อปของปี 2021 อย่าง Qualcomm Snapdragon 870 ที่มีความเร็วสูงสุดถึง 3.2GHz (ในปี 2021 เป็นรองแค่ชิปเซ็ตเรือธงอย่าง Snapdragon 888 เท่านั้น) ใช้หน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 650 ที่สามารถเล่นเกมเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง ROV ได้แบบสบาย ๆ เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในความจุถึง 128GB ที่สำคัญคือตัวหน้าจอแสดงผลยังเป็นแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทสูงถึง 120Hz ช่วยให้เล่นเกมได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมยังครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Gorilla Glass 5 ที่ทนทานต่อการตกกระแทกและรอยขีดข่วนอีกด้วย
นอกจากนี้ POCO F3 ยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงดังกระหึ่มรอบทิศทาง ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นเกมไปอีกระดับ แถมยังใช้งานได้ยาวนานด้วยแบตเตอรี่ขนาด 4,520mAh รองรับระบบชาร์จไวถึง 33W ที่สามารถชาร์จแบตจาก 0 – 100% ภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง ถือเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มค่ามาก ๆ สำหรับสายเกมมิ่งที่มีงบจำกัด
– ราคา 9,xxx บาท
2. vivo Y52 5G
สมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์ราคาไม่ถึง 8,000 บาท แต่รองรับการเชื่อมต่อ 5G รันบนระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส Funtouch OS 11.1 ใช้ขุมพลัง Dimensity 700 ของ MediaTek ความเร็ว 2.2GHz ทำงานร่วมกับการ์ดจอแบบ Mali-G57 MC2 ที่สามารถเล่นเกมเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง ROV ได้ดีในระดับหนึ่ง เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 4GB และที่เก็บข้อมูลภายในความจุ 128GB ซึ่งเพียงพอจะติดตั้งเกมขนาดใหญ่หลาย GB ได้นับสิบเกม ที่สำคัญคือมันมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ IPS LCD ขนาด 6.58 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรท 60Hz ช่วยเสริมประสิทธิภาพการเล่นเกมได้ดีขึ้น
นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมลำโพงแบบ Super Linear Speaker 1612 ให้เสียงดังกระหึ่ม สามารถขับเสียงได้ถึงระดับ 92dB พร้อมรองรับช่วงเสียงสูงกว้าง 16KHz ช่วยเพื่มอรรถรสในการเล่นเกมได้เป็นอย่างดี ปิดท้ายด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่ใช้งานได้ตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 18W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 อีกด้วย ถือเป็นมือถือราคาประหยัดรุ่นสุดคุ้มที่ไม่ว่าใครก็สามารถเอื้อมถึง
– ราคา 7,xxx บาท
3. OPPO Reno 5 5G
สมาร์ทโฟนรองรับ 5G ที่มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วย ColorOS 11.1 ชูโรงด้วยชิปประมวลผลระดับสูงในกลุ่มมิดเรนจ์อย่าง Qualcomm Snapdragon 765G ที่ให้ขุมพลังถึง 2.4GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 620 ที่สามารถเล่นเกม ROV แบบปรับเฟรมเรทสูงได้อย่างลื่นไหล เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และที่เก็บข้อมูลภายในแบบ LPDDR4X ความจุ 128GB ส่วนตัวหน้าจอแสดงผลมาพร้อมจอ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz พร้อมค่าความไวต่อการตอบสนองการสัมผัสระดับ 180Hz ช่วยให้เพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมให้ลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมยังครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 เพิ่มความแข็งแรงทนทานและป้องกันรอยขีดข่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,300mAh รองรับระบบชาร์จไว 65W SuperVOOC 2.0 ที่ทาง OPPO เคลมว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 35 นาทีเท่านั้น เรียกได้ว่าชาร์จไวทันใจเหมาะสำหรับสายเกมมิ่งที่ใช้มือถือเล่นเกมตลอดทั้งวัน
– ราคา 9,xxx บาท
4. Motorola Moto G 5G Plus
สมาร์ทโฟน 5G ที่ชูจุดเด่นด้านการเล่นเกมด้วยชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 765G ความเร็วสูงสุดถึง 2.4GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 620 สามารถเค้นประสิทธิภาพในการเล่นเกมได้เฟรมเรทไม่ต่ำกว่า 30fps เกือบทุกเกม เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.1 ความจุ 128GB ซึ่งเพียงพอให้ลงเกมขนาดใหญ่หลาย GB ได้นับสิบเกม ยังไม่รวม microSD ที่รองรับความจุสูงสุดได้ถึง 1TB ส่วนด้านการแสดงภาพใช้พาเนลแบบ IPS LCD ขนาด 6.7 นิ้ว อัตราส่วน 21:9 ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกมไปอีกขั้นด้วยการแสดงภาพแบบ HDR10
นอกจากนี้ มันยังใช้งานได้ตลอดทั้งวันด้วยแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 20W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีงบจำกัด แต่ต้องการมือถือเล่นเกมลื่น ๆ พร้อมแบตเตอรี่อึด ๆ
– ราคา 9,xxx บาท
5. Xiaomi 11 Lite 5G NE
มือถือ 5G ระดับกลางที่มาพร้อมสเปกจัดเต็ม สามารถเล่นเกมได้คุ้มค่ามากที่สุดรุ่นหนึ่ง มาพร้อมชิปประมวลผล Qualcomm Snapdragon 778G ที่ใช้สถาปัตยกรรมขนาด 6 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับจีพียู Adreno 642L ที่เล่นเกมเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง ROV หรือ PUBG แบบปรับกราฟิก High ได้ไม่ต่ำกว่า 40 fps ทำงานร่วมกับหน่วยความจำ RAM 6GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 512GB แสดงผลผ่านหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.65 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทสูงสุด 90Hz และมาตรฐาน HDR10+ พร้อมระบบ Dolby Vision ที่ช่วยเพิ่มประสบการณ์รับชมความบันเทิงรวมถึงการเล่นเกมให้ดียิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมลำโพงคู่สเตอริโอ รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ให้เสียงคมชัด ดังกระหึ่มรอบทิศทาง เติมเต็มอรรถรสในการเล่นเกมขึ้นไปอีกขั้น และมีแบตเตอรี่ขนาด 4,250mAh ที่รองรับระบบชาร์จไว 33W ผ่านพอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 2.0 ถือเป็นมือถือราคาต่ำหมื่นที่จัดเต็มทั้งภาพและเสียงเหมาะกับการเล่นเกมมาก ๆ อีกรุ่นหนึ่ง
– ราคา 9,xxx บาท
6. Samsung A32 5G
สมาร์ทโฟนระดับกลางรุ่นยอดฮิตสำหรับคนที่เบี้ยน้อยหอยน้อย แต่ต้องการมือถือที่เล่นเกมได้หลากหลายและมีประสิทธิภาพคุ้มค่า โดยมันมาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ครอบด้วยอินเตอร์เฟส One UI 4.1 ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงในกลุ่มมิดเรนจ์อย่าง Qualcomm Snapdragon 720G ซึ่งเป็นชิปขนาด 7 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Mali-G57 MC3 ที่แรงพอจะเล่นเกมเฟรมเรทสูง ๆ อย่าง ROV ได้ดีในระดับหนึ่ง เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลความจุ 128GB รองรับ microSD ความจุสูงสุดถึง 1TB แสดงผลผ่านหน้าจอแบบ IPS LCD ขนาด 6.5 นิ้ว ความละเอียดระดับ HD+ รองรับรีเฟรชเรทระดับ 60Hz ครอบทับด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนทานต่อการตกกระแทกและรอยขีดข่วน
นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้เสียงดังคมชัด เหมาะกับการใช้งานด้านความบันเทิงทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการดูหนังหรือเล่นเกม และที่สำคัญคือตัวแบตเตอรี่ให้มาที่ขนาด 5,000mAh เพียงพอต่อการใช้งานต่อเนื่องตลอดทั้งวัน แถมยังรองรับระบบชาร์จไว 18W อีกด้วย
– ราคา 7,xxx บาท
7. Redmi Note 11 Pro 5G
สมาร์ทโฟนระดับมิดเรนจ์ที่มาพร้อมสเปกครอบเครื่อง รองรับการใช้งานด้านความบันเทิงทุกรูปแบบทั้งดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม มาพร้อมระบบปฏิบัติการ Android 11 ที่รันอยู่บนอินเตอร์เฟส MIUI 13 ใช้ขุมพลังรุ่นยอดฮิตอย่าง Qualcomm Snapdragon 695 5G ขนาด 6 นาโนเมตร ความเร็วสูงสุด 2.2GHz ทำงานร่วมกับจีพียู Adreno 619 ที่สามารถเล่นเกม ROV ได้ลื่นไหลระดับ 30fps เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM แบบ LPDDR4X ขนาด 8GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายในแบบ UFS 2.2 ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB แสดงผลผ่านหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียดระดับ FHD+ รองรับรีเฟรชเรท 120Hz ช่วยยกระดับประสิทธิภาพในการเล่นเกมให้ลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมตัวหน้าจอยังครอบด้วยกระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass 5 ที่ทนทานต่อการตกกระแทกและรอยขีดข่วนอีกด้วย
นอกจากนี้ มันยังมาพร้อมลำโพงเสียงแบบคู่ และแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh ที่รองรับเทคโนโลยีชาร์จไว 67W Turbo Charging ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ภายในเวลาเพียง 15 นาที และชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 40 นาทีเศษ ๆ เท่านั้น
– ราคา 10,xxx บาท
ทั้งหมดนี้คือ 7 มือถือที่สามารถเล่นเกม ROV ได้ลื่น ๆ ในราคาไม่เกิน 10,xxx บาท ประจำปี 2022 ที่เรานำมาฝากกัน ส่วนใครที่สนใจรุ่นไหนก็สามารถไปลองจับเล่นกันได้ตามช้อปหรือศูนย์บริการของค่ายมือถือแบรนด์นั้น ๆ และอย่าลืมว่าการเลือกมือถือให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองจะช่วยให้เราสามารถประหยัดเงินซื้อมือถือใหม่ไปอีกหลายปี หวังว่าทุกคนจะแฮปปี้กับการใช้สมาร์ทโฟน