10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คุณอาจยังไม่รู้ คอมพิวเตอร์เป็นส่วนสำคัญในชีวิตประจำวันในปัจจุบันนี้ ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา คอมพิวเตอร์ได้ปฏิวัติวงการธุรกิจต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเรื่องการทำงานขององค์กร โซเชียล หรือการซื้อขายออนไลน์ และก่อให้เกิดธุรกิจในยุคนี้มากมาย ถึงตอนนี้คุณน่าจะรู้จักคอมพิวเตอร์กันหมดแล้วในปัจจุบัน อาจจะมีเรื่องที่คุณไม่รู้ ใน 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
1.คอมพิวเตอร์เครื่องแรกมีน้ำหนักมากกว่า 27,000 กิโลกรัม
คอมพิวเตอร์เครื่องแรกของโลกมีชื่อว่า ENIAC (อีนิแอก) เป็นคำย่อมาจาก Electronic Numerical Integrator and Computer ถูกออกแบบ และพัฒนาขึ้นในปี ค.ศ. 1946 ช่วงระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยชาวอเมริกันชื่อ ดร.จอห์น วิลเลียม มอคลี (John William Mauchly) และ จอห์น พลีสเพอร์ เอกเคิร์ต (John Prespern Eckert) ซึ่งใช้พื้นฐานจากเครื่อง ABC (Atanasoff-Berry Computer) มาพัฒนาต่อ โดยการพัฒนา ENIAC ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากกองทัพสหรัฐอเมริกา เพื่อใช้ในการคำนวณวิถีของกระสุนปืนใหญ่เป็นหลัก
2. สกุลเงิน 90% ของโลกมีอยู่ในคอมพิวเตอร์มากกว่า
92% ของสกุลเงินของโลกเป็นดิจิทัล ซึ่งมีหมายความว่าเงินส่วนใหญ่ที่คุณได้รับ ทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ เพื่อใช้ซื้อสินค้าออนไลน์ เงินในธนาคาร และบริการอื่นๆ จะมีอยู่ในคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดไดรฟ์เท่านั้น สกุลเงินดิจิทัลมักเป็นเงินแบบกระจายอำนาจที่ออกแบบมาเพื่อใช้บนอินเตอร์เน็ต เช่น บิตคอยน์ หรือสกุลเงินต่าง ๆ ในโลกออนไลน์ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
และมีเพียงประมาณ 8% ทั่วโลกเท่านั้นที่เป็นสกุลเงินสด และคาดว่าในอนาคตคุณอาจจะไม่ต้องพกเงินสด คุณจะสังเกตได้ว่าทุกวันนี้คุณสามารถจับจ่ายใช้สอย โดยที่ไม่ต้องพกเงินไปไหนต่อไหนก็ได้ แม้กระทั้งเงินเก็บสมัยนี้ส่วมมากมักจะอยู่ในบัญชีออนไลน์มากกว่าเก็บเงินในตู้เซฟเหมือนคนสมัยก่อน ๆ
3.เมาส์คอมพิวเตอร์ตัวแรกของโลกทำจากไม้
ผู้คิดค้นสิ่งประดิษฐ์เมาส์ที่ทำจากไม้ คือ Douglas Carl Engelbart ในปี 1964 เป็นวิศวกรและนักประดิษฐ์ และเป็นผู้บุกเบิกคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตในยุคแรก ๆ ซึ่งทำให้ทุกคนในวงการคอมพิวเตอร์ต่างตกตะลึงกับการใช้งานเมาส์ ที่สามารถควบคุม และใช้งานได้อย่างง่ายได้ การจับการเคลื่อนไหวใช้เฟื่องล้อ 2 อัน ตัวเมาส์ทำจากไม้ และมีอิทธิพลอย่างมากในวงการคอมพิวเตอร์จนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้เราต่างรู้จักเมาส์คอมพิวเตอร์กันทั่วโลก และเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถขาดไปได้
4 .แฮกเกอร์ที่เขียนไวรัส 70% ทำงานให้กับองค์กรอาชญากรรม
หน่วยงานของรัฐบาลตรวจสอบความเชื่อมโยงการแพร่กระจ่ายของไวรัสคอมพิวเตอร์ที่เพิ่มขึ้น ที่อาจจะเกิดการก่ออาชญากรรม ผู้เชี่ยวชาญต่างกังวลเรื่องโค้ดที่เป็นอันตราย หรือไวรัสคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ อาจฝังตัวอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการโจมดีทางอาญาโดยมีเป้าหมายทางธุรกิจองค์กรในประเทศ และต่างประเทศ
สำหรับแฮกเกอร์ในต่างประเทศที่มีโปรแกรมไวรัสมากมายฝังอยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ และอัพเกรดตัวไวรัสอยู่ตลอดเวลา อาจต้องการข้อมูลเพื่อหวังผลทางธุรกิจ พวกเขาเหล่านี้สามารถนำข้อมูลของคุณไปใช้ประโยชน์ หรือนำไปขายในวงการธุรกิจต่าง ๆ ของพวกเขาได้ และขึ้นชื่อว่าไวรัสคอมพิวเตอร์นั้นไม่ได้ส่งผลดีต่อคอมพิวเตอร์ของพวกเราอย่างแน่นอน สำหรับแฮกเกอร์ที่เขียนไวรัสมากกว่า 70% ทำงานให้กับองค์กรอาชญากรรม
5.โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลกเป็นผู้หญิง
Ada Lovelace ถูกเรียกว่า “โปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก” Ada Lovelace เป็นนักคณิตศาสตร์ และนักเขียนชาวอังกฤษ เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1815 ได้รับการยอมรับนับถือว่าเป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก สำหรับการเขียนอัลกอริทึมสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ในช่วงกลางปี 1800 คอมพิวเตอร์ไม่มีสามัญสำนึกในการทำงาน ดังนั้นอัลกอริธึมจึงเป็นอะไรที่ชัดเจนมาก หากอัลกอริธึมทำงานผิดพลาดแม้แต่น้อยคอมพิวเตอร์จะไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจาก Ada Lovelace นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์หลายอย่าง จึงทำให้ Ada Lovelace เป็นโปรแกรมเมอร์คนแรกของโลก เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งมดลูกเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 1852 ด้วยวัย 36 ปีเท่านั้น และในปี ค.ศ. 1979 กระทรวงกลาโหมสหรัฐ สร้างภาษาคอมพิวเตอร์มาตรฐาน ISO ขึ้นมาตัวแรก พร้อมตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านหญิง “ADA”
10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คุณอาจยังไม่รู้
6.แบรนด์คอมพิวเตอร์ดัง บางแบรนด์เริ่มต้นจากโรงรถ
- Apple สตีฟ จ็อบส์ และ สตีฟ วอซเนียค ประกอบคอมพิวเตอร์รุ่นแรกของพวกเขาด้วยมือ ในโรงรถของพวกเขาเอง และในปี 2017 นี้ สำนักงานใหญ่ของ Apple จะก่อสร้างเสร็จ โดยมีพื้นที่มากถึง 2.8 ล้านตารางฟุต และรองรับพนักงานได้ถึง 13,000 คน
- HP หรือ Hewlett-Packard จุดเริ่มต้นของบริษัทเกิด วิลเลียม ฮิวเลตต์ และ เดวิด แพคการ์ด ซึ่งในขณะนั้นเป็นนักศึกษาได้ใช้เงินลงทุนราว 538 เหรียญ เปิดบริษัทในโรงรถของแพคการ์ด โดยทำธรุกิจเกี่ยวกับเครื่องมือวัด ซึ่งลูกค้ารายแรกของพวกเขาก็คือ The Walt Disney ปัจจุบัน บริษัทพวกเขากลายเป็นหนึ่งในบริษัทอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่รู้จักมากที่สุดในโลก ซึ่งตัวย่อของบริษัทพวกเขาก็คือ HP เป็นชื่อที่พวกเราคุ้นเคยกันดีบนโน๊ตบุ๊คนั่นเอง
- Google แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน คู่หูจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้ก่อตั้งบริษัทของพวกเขาในโรงจอดรถเล็ก ๆ ของเพื่อนในแคลิฟอร์เนีย แต่ปัจจุบันนี้ Google คือหนึ่งในบริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่ไม่ใช่แค่ Search Engine แต่ครอบคลุมทั้งวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ไม่สามารถหาบริษัทไหนเทียบได้ในปัจจุบัน
- Microsoft ครั้งแรก ทีมงานไมโครซอฟต์ประกอบด้วยพนักงานเพียง 3 คนเท่านั้น รวมทั้งผู้ก่อตั้งอย่าง บิลล์ เกตส์ และ พอล อัลเลน แต่วันนี้ บริษัทไมโครซอฟต์มีพนักงงานมากกว่า 120,000 คน ทำงานตามบริษัทสาขาต่างๆ ทั่วโลก จนทำให้ บิลล์ เกตต์ กลายเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ที่จัดอันดับโดยนิตยสารฟอบส์ (Forbes) หลายต่อหลายครั้ง
7.คอม Apple เครื่องแรกไม่มีอะไรเลย
ผู้ก่อตั้ง Apple มี 3 คน คือ Steve Wozniak, Steve Jobs และ Ronald Wayne ได้ทำการสร้างคอมพิวเตอร์ Apple ขึ้นในโรงรถ ซึ่งเป็นคอมพิวเตอร์เครื่องแรกของ Apple มีชื่อเรียกว่า Apple Computer หรือชื่อที่ทุกคนรู้จักกันว่า Apple I โดยการเอาชิ้นส่วนทุกอย่างมาประกอบ และบัดกรีด้วยมือ Apple Computer เครื่องแรก ไม่มีทีวี, คีย์บอร์ด หรืออะไรเลย ไม่มีแม้กระทั่งเคสใส่ด้วย มีแต่บอร์ดอย่างเดียว Apple Computer ถูกวางจำหน่ายในราคา 666.66 ดอลลาร์ ออกขายจริงวันที่ 11 เมษายน 1976 โดย Jobs นำเครื่องคอมพิวเตอร์ Apple นี้ไปวางจำหน่ายที่ The Byte Shop ใน Mountain View จำนวน 50 เครื่อง
ถัดมา Jobs ได้รับออร์เดอร์จำนวนหนึ่ง จึงต้องไปเกณฑ์คนในครอบครัว และเพื่อน ๆ มาช่วยกันทำทั้งบ้าน และโรงรถถูกแปลงสภาพเป็นสถานที่ทำคอมพิวเตอร์ของพวกเขาเอง คอมพิวเตอร์ Apple ยังคงผลิตต่อไปจนถึงเดือนกันยายน 1977 รวมทั้งหมดประมาณ 200 เครื่อง โดยเครื่อง Apple I ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของ Apple และหลังจากทางทีมงาน Apple ก็เลิกผลิต Apple I และได้เริ่มต้นผลิตคอมพิวเตอร์รุ่นถัดไปก็คือ Apple II
8. ไวรัสกว่า 6,000 ตัวถูกปล่อยในแต่ละเดือน
คอมพิวเตอร์มักเสี่ยงที่จะติดไวรัสที่จะทำให้เครื่องทำงานได้ช้าลง คำว่า “ไวรัสคอมพิวเตอร์” ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ คล้ายกับไข้หวัดใหญ่ที่เรารู้จักกันดี และทุกคนก็ต้องการหลีกเลี่ยงจากสิ่งที่เรารู้ว่ามันไม่ใช่ผลดี ไวรัสคอมพิวเตอร์มีมาตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ไวรัสคอมพิวเตอร์ทำงานควบคู่กับอินเทอร์เน็ต ยิ่งมีการเชื่อมต่อที่มากขึ้นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยก็เพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ทำให้ไวรัสที่ถูกปล่อยมากกว่า 6,000 ตัวในแต่ละเดือนส่งผลเสียให้แก่ผู้ใช้คอมพิวเตอร์กับการที่มีอินเทอร์เน็ตเชื่อมต่อกันทั่วโลก และคาดว่าในอนาคตอาจจะมีมากไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวใหม่เพิ่มขึ้นอีกเรื่อย ๆ ตราบใดที่คนเหล่านี้ยังไม่หมดไป
9. โทรศัพท์คือคอมพิวเตอร์
ทุกวันนี้หลายคนคงมองภาพคอมพิวเตอร์ต้องเป็นคอมตั้งโต๊ะ และมีอุปกรณ์มากมายเท่านั้น แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นเสมอไปประเภทของคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างเช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต โน๊ตบุ๊ค และเกมคอนโซล ล้วนเป็นตัวอย่างของคอมพิวเตอร์ที่ถูกออกแบบมาในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกันไป มือถือก็เช่นกัน คล้ายกับคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาที่สามารถทำอะไรหลายอย่างได้ ยิ่งถูกพัฒนายิ่งคล้ายกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะขึ้นเรื่อย ๆ
7 ชนิดประเภทคอมพิวเตอร์
- ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ คือเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และมีขนาดใหญ่ ใช้สำหรับประมวลผลข้อมูลที่ซับซ้อนได้ในเวลาสั้น ๆ เหมาะสำหรับใช้งานเฉพาะด้าน เช่น งานพยากรณ์อากาศ ที่ต้องนำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับอากาศทั้งระดับภาคพื้นดิน
- เมนเฟรมคอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องที่มีขนาดใหญ่ เหมือนตู้ที่เก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ ไว้ภายใน ประสิทธิภาพการทำงานด้อยกว่า ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ เหมาะกับการทำงานเฉพาะด้าน เช่น งานวิทยาศาสตร์, วิศวกรรม
- มินิคอมพิวเตอร์ จัดเป็นเครื่องที่มีประสิทธิภาพสูง รองรับการทำงานจากผู้ใช้ หลายๆ คนพร้อมกัน ในงานที่ต่างกัน และนิยมนำไปใช้งานเฉพาะด้านเช่นกัน
- ไมโครคอมพิวเตอร์ มันคือ ประเภทของคอมพิวเตอร์ ที่เราใช้งานกันตัวไปตามบ้านเรือน หรือตามออฟฟิศสำนักงานต่าง ๆ นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เพราะมีราคาค่อนข้างถูก และปัจจุบันมีประสิทธิภาพสูงอีกด้วย
- เซิร์ฟเวอร์คอมพิวเตอร์ คือคอมพิวเตอร์แม่ข่าย ใช้เป็นเปรียบเสมือนศูนย์กลางของระบบ Network และให้บริการกับผู้ใช้งานจำนวนมากในเวลาเดียวกัน เช่น Game Server, File Server, Web Server, DNS Server
- คอมพิวเตอร์มือถือ คือคอมพิวเตอร์แบบพกพาที่มีขนาดเล็ก หรือ PDA มีขนาดเท่าฝ่ามือ
- คอมพิวเตอร์แบบฝัง เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก ที่ออกแบบมาให้ทนต่อทุกสภาพแวดล้อม และเหมาะกับงานเพาะด้านเท่านั้น อย่างเช่น ใช้ในตู้เติมเงินออนไลน์
10. ดูแลดวงตาจากแสงหน้าจอทุก 20 นาที
คอมพิวเตอร์มีหน้าจอที่สว่างมาก ดังนั้นการพักสายตาทุก 20 นาทีจึงเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าคุณจะเล่นเกม หรือทำงานหากใช้ระยะเวลาที่ยาวนานอาจะทำให้คุณมีอาการ เมื่อยล้า ปวดตา แสบตา เคืองตา น้ำตาไหล ตาพร่ามัว และอาจทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้ เนื่องจากแสงสีฟ้าสามารถทะลุเข้าไป และทำลายเซลล์รับแสงในจอตา อาจทำให้การมองเห็นส่วนกลางแย่ลงได้ ฉนั้นหากเป็นไปได้ในทุก 20 นาที ให้ละสายตาจากหน้าจอ และมองไปบางสิ่งที่อยู่ห่างออกไปอย่างน้อย 10 เมตร ซึ่งเหมือนกับการออกกำลังกาย เพื่อดวงตาของคุณ พยายามดูแลตัวเองด้วยนะครับ
สำหรับ 10 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ที่คุณอาจยังไม่รู้ สำหรับบางเรื่องคุณอาจจะทราบอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่สำหรับทุกคน เรื่องราวในอดีตสามารถเป็นเรื่องใหม่ได้ในทุก ๆ วัน ใช่ว่าทุกคนจะทราบเรื่องราวในอดีตกันทุกคน