ในตลอดปี 2022 ที่ผ่านมานี้ ต้องยอมรับเลยว่ากระแสเกี่ยวกับ “รถยนต์ไฟฟ้า” หรือ “รถ EV” กำลังมาแรงสุด ๆ ซึ่งไม่เพียงแค่เป็นกระแสไปทั่วโลกเท่านั้น แต่กระแสภายในเมืองไทยเองก็นับว่าฮือฮาเช่นเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุให้ทางค่ายผู้ผลิตต่าง ๆ มีการแข่งขันกันอย่างสุดฤทธิ์ เพื่อการดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะสามารถเป็นไปได้ กระทั่งอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามีความคึกคักอย่างยิ่ง โดยหากจะกล่าวถึงหนึ่งในแบรนด์ยอดนิยมในตอนนี้ คงต้องยกให้ “BYD” ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่จากประเทศจีน!
บริษัท “Build Your Dreams” หรือเรียกสั้น ๆ ด้วยชื่อ “BYD” คือบริษัทไฮเทคอีกแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งก่อตั้งขึ้นมายาวนานกว่า 27 ปีด้วยกัน ปัจจุบันมีการก่อตั้งสวนอุตสาหกรรมทั้งหมดกว่า 30 แห่งในหลากหลายประเทศ แน่นอนว่ามีส่วนสำคัญในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ยกตัวอย่างเช่น อิเล็กทรอนิกส์ พลังงานใหม่ และรถยนต์ เป็นต้น โดยคนส่วนใหญ่คงจะทราบกันแล้วว่า BYD หันมาเอาจริงด้านการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า จนล่าสุดกลายเป็นค่ายผู้ผลิตระดับชั้นนำของโลกไปเรียบร้อยแล้ว
ในช่วง 1-2 ปีก่อนหน้า เกิดวิกฤติทางด้านพลังงานอย่างเป็นวงกว้างไปทั่วทุกภูมิภาค หลังจากมีสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน จนราคาน้ำมันพุ่งกระฉูดไปสูงลิบลิ่วเลย ซึ่งคนไทยเองก็เจอกับปัญหาดังกล่าวด้วยเหมือนกัน จึงเริ่มมองหารถยนต์ไฟฟ้ามาใช้งานกันมากขึ้น ทางด้าน BYD เห็นโอกาสเหล่านี้ เลยเริ่มเข้ามาขยับขยายพื้นที่ภายในตลาดของประเทศไทยบ้างแล้ว โดยมีคนไทยจำนวนไม่น้อยที่อยากอุดหนุนสินค้าของแบรนด์ BYD เนื่องจากมีความเชื่อมั่นต่อคุณภาพสินค้า และการบริการชั้นเลิศ
“BYD Thailand” กับภารกิจ “สั่นสะเทือน” ตลาดในเมืองไทย
“BYD Thailand” ถูกเปิดตัวออกมาอย่างยิ่งใหญ่ ท่ามกลางความคาดหวังของแฟน ๆ ชาวไทย โดยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง จุดประสงค์เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าภายในประเทศไทย อีกทั้งยังช่วยรองรับการส่งออกไปยังต่างประเทศด้วย ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้ค่าย BYD พัฒนาเติบโตขึ้นไปอีกระดับ เบื้องต้นคาดว่าค่ายแห่งดังกล่าวกำลังจะแนะนำรถยนต์ไฟฟ้าออกมาสู่สายตาของชาวไทยทั้งหลาย และในช่วงปลายปี 2022 ที่จะมาถึงนี้ คงจะมีการปล่อยรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ออกมาสู่ท้องตลาดเยอะขึ้น ส่วนจะประสบความสำเร็จในด้านการจำหน่ายเพียงไหนนั้น ต้องเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวกันต่อไป
ต้องขอบอกเลยว่า BYD Thailand ไม่ได้มาเล่น ๆ แต่ค่ายที่กล่าวมาเตรียมรุกตลาดภายในประเทศไทยแบบจริงจัง เหมือนกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในหลากหลายประเทศ ล่าสุดมีการกำหนดเป้าหมายสำหรับประเทศไทยออกมาเรียบร้อยแล้ว โดยตั้งเป้ามียอดจำหน่ายติดอันดับ 1 ใน 5 ภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี ซึ่งแน่นอนว่าเป็นเรื่องที่ค่อนข้างโหดหินพอสมควรเลย เพราะคนไทยจำนวนไม่น้อยยังค่อนข้างศรัทธาต่อแบรนด์ญี่ปุ่น จึงเป็นสิ่งที่ BYD ต้องฟันฝ่าไปจนสำเร็จ กระทั่งสามารถผงาดขึ้นมาครองส่วนแบ่ง 1 ใน 5 ได้ตามที่เคยตั้งเป้ากันเอาไว้ แต่ความเป็นจริงจะทำสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่นั้น คงต้องปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
“BYD SEAL 2023” รถยนต์ไฟฟ้าจากแดนมังกร คู่แข่งสำคัญของ “Tesla Model 3”
สำหรับคนไหนกำลังรอคอยรถยนต์ไฟฟ้าเจ๋ง ๆ สักรุ่น อยากแนะนำให้ลองทำความรู้จักกับ “BYD SEAL 2023” กันสักหน่อย โดยล่าสุดทางค่าย BYD มีการเปิดพรีออเดอร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเบื้องต้นคาดว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นที่กล่าวมา น่าจะกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญของ “Tesla Model 3” ท่ามกลางศึกการแข่งขันการแย่งชิงลูกค้าอันดุเดือด อย่างไรก็ตามการแข่งขันในลักษณะนี้จะเป็นประโยชน์แก่บรรดาเหล่าลูกค้าทั้งหลาย เพราะทั้ง 2 ค่ายจะพยายามงัดไม้เด็ดของตัวเองออกมาเรียกลูกค้า ชนิดที่ว่าตีหัวเข้าบ้านกันเลยทีเดียว
BYD SEAL 2023 ถูกผลิตออกมาเพื่อการใช้งานที่สอดรับกับอนาคตข้างหน้า ด้วยการหันมาใช้พลังงานไฟฟ้า แทนพลังงานน้ำมันที่เหลือน้อยลงทุกวัน ๆ โดยสามารถเลือกซื้อได้กว่า 4 รุ่นด้วยกัน ในระดับสมรรถนะ และการทำระยะทาง ที่มีความแตกต่างกันออกไป โดยจุดเด่นสำคัญของ BYD SEAL 2023 ที่น่าสนใจ คือการเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าโมเดลแรกสุด ที่จะควบรวมเทคโนโลยีเซลล์แบตเตอรี่ (CTB) ในรูปแบบใหม่ ดังนั้นย่อมมีความแปลกใหม่กว่ารุ่นก่อน ๆ อย่างแน่นอน
BYD SEAL 2023 ถูกแบ่งออกเป็น 4 รุ่น ประกอบไปด้วย
- รุ่น Standard Range (Elite)
- รุ่น Standard Range (Premium)
- รุ่น Long Range
- รุ่น Performance
โดยมีระยะทางในการวิ่ง ตั้งแต่ 550 – 700 กิโลเมตร หากชาร์จแบตเตอรี่เต็ม เพียงแต่ระยะทางในการวิ่งของแต่ละรุ่นจะไม่เหมือนกัน ดังนั้นก่อนตัดสินใจเลือกซื้อสินค้า จึงควรพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วนที่สุด ด้วยการคำนึงถึงการใช้งานของตัวคุณเอง โดยราคาในการวางจำหน่ายรุ่นเริ่มต้น อยู่ที่ประมาณ $31,998 หรือคิดเป็นเงินไทยราว 1.1 ล้านบาท แต่หากถูกนำเข้ามาวางจำหน่ายในประเทศไทย คงจะมีการบวกภาษีเพิ่มเข้าไปด้วย ราคาเลยน่าจะสูงกว่า $31,998 อยู่อีกพอสมควร
“BYD” ของจริงไม่พูดเยอะ ! ขึ้นแท่น “เบอร์ 1” ผู้ผลิต EV ของโลก
หากใครติดตามความเคลื่อนไหวภายในแวดวงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ามาโดยตลอด คงจะทราบกันดีว่าแบรนด์ BYD มีความแข็งแกร่งขนาดไหน เพราะล่าสุดค่าย BYD มีการขึ้นมากินส่วนแบ่งการตลาดอยู่เรื่อย ๆ จนเติบโตแบบก้าวกระโดดเลยก็ว่าได้ ซึ่งในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ทางสำนักข่าว CNBC เพิ่งรายงานข้อมูลออกมาว่า BYD มียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในเดือนพฤษภาคม เป็นการแสดงให้เห็นถึงความนิยมที่สูงขึ้น พร้อมกับตอกย้ำความเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับที่ 3 แห่งประเทศจีน
แม้การประกาศมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลจีน จะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน และสร้างความไม่เชื่อมั่นแก่กลุ่มลูกค้าชาวจีนอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าค่าย BYD สามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี ซึ่งมียอดการจำหน่ายรถยนต์โดยสารพลังงานใหม่กว่า 114,183 คัน ในเดือนพฤษภาคม จึงเป็นเครื่องการันตีว่าแบรนด์ BYD แข็งแกร่งจริง ๆ ต่อให้จะเจอสถานการณ์อันยากลำบาก ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างยอดขาย แต่ทางบริษัทก็สามารถรักษายอดขายได้อย่างอยู่หมัด
ล่าสุด ทางค่าย BYD เพิ่งมีการออกมาเปิดเผยยอดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า โดยเป็นการจำหน่ายในช่วงครึ่งปีแรก พบว่ามียอดการจำหน่ายกว่า 641,000 คัน ซึ่งขับเคี่ยวกับทางค่าย Tesla กันมาอย่างเข้มข้นดุเดือด โดยทางค่าย Tesla มียอดการจำหน่ายอยู่ที่ 564,000 คัน นั่นจึงเป็นเหตุให้ค่าย BYD ประกาศศักดิ์ดาความยิ่งใหญ่ ด้วยการคว้าแชมป์ผู้ผลิต EV ของโลกมาครอบครองได้สำเร็จ ดังนั้นหากใครก็ตามพูดถึงอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า ชื่อของแบรนด์ BYD ก็มักจะผุดขึ้นมาในสมองเป็นลำดับแรก ๆ เสมอ