หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีด้าน IT ที่ทรงอิทธิพลแห่งยุคอย่าง “Apple” มีการจัดงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา โดยแน่นอนว่ามาพร้อมกับผลิตภัณฑ์กว่าหลากหลายชนิดด้วยกัน แต่ต้องยอมรับว่าทุกสายตาจับจ้องไปที่การเปิดตัว “iPhone 14 Series” มากเป็นพิเศษ ถึงแม้หลังจากการเปิดตัวจะไม่สร้างความฮือฮาสักเท่าไหร่นัก เนื่องจากมันค่อนข้างคล้ายคลึงกับภาพหลุด ที่เคยถูกสื่อสำนักต่าง ๆ เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่มีบางสิ่งบางอย่างเหมือนกัน ที่ทำให้บรรดาเหล่าสาวกทั้งหลายเกิดอาการหวั่นไหวไปตามกัน ถึงขั้นอยากนำ iPhone เครื่องเก่าในมือของตัวเองไปขายต่อ หรือนำไปเทิร์น เพื่อคว้า iPhone 14 มาครอบครองเป็นเจ้าของ
ส่องฟีเจอร์เด็ด “iPhone 14 Series” มีอะไรน่าสนใจบ้าง
อย่างที่ทราบกันว่าการเปิดตัว iPhone 14 Series จำนวน 4 รุ่น ทั้ง iPhone 14 , iPhone 14 Plus , iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max เมื่อช่วงไม่กี่วันก่อนหน้า มีทั้งกระแสแง่บวก รวมถึงกระแสแง่ลบตามมาเพียบ จนก่อให้เกิดการล้อเลียนต่าง ๆ นานา ในโลกโซเชียลมีเดีย แต่ถึงจะมีประเด็นดราม่าเยอะสักขนาดไหนก็ตาม หากมีการวางจำหน่าย iPhone 14 Series อย่างเป็นทางการ ก็คงจะมีคนตบเท้าไปอุดหนุนกันอย่างแน่นขนัดเหมือนกับทุก ๆ ปี โดยเราเชื่อว่าพวกคุณก็คงจะมีความสนใจต่อผลิตภัณฑ์รุ่นดังกล่าวอยู่บ้างเหมือนกัน จึงอยากพามาทำความรู้จักกับ iPhone 14 Series ให้ละเอียดยิ่งขึ้น ก่อนที่จะตัดสินใจกำเงินหลักหลายหมื่นไปอุดหนุนสินค้ารุ่นนี้
iPhone 14 (หน้าจอ 6.1 นิ้ว) และ iPhone 14 Plus (หน้าจอ 6.7 นิ้ว) จะมีระบบปฏิบัติการ iOS 16 ติดมากับตัวเครื่อง โดยกล้องผ่านการปรับเปลี่ยนให้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมกว่าเดิม กล้องหลักความละเอียด 12MP จะสามารถถ่ายรูปภาพในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นสูงสุดกว่า 2.5 เท่าเลยทีเดียว ขณะที่กล้องอัลตราไวด์ สามารถถ่ายรูปภาพภายในที่แสงน้อยได้ดีขึ้นสูงสุดถึง 2 เท่า ส่วนคนที่ชื่นชอบการท่องราตรี ก็คงจะถูกใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน เพราะทางค่าย Apple มีการปรับปรุงโหมดกลางคืน ซึ่งโหมดกลางคืนจะเริ่มการทำงานโดยอัตโนมัติภายในฉากมืด ช่วยให้ภาพออกมาคมชัดมากกว่ารุ่นก่อน ๆ
สำหรับกล้องหน้าความละเอียด 12MP ในแบบ True Dept ผ่านการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้งานมาด้วยเหมือนกัน ทำให้เราสามารถถ่ายรูปภาพต่าง ๆ ภายในพื้นที่แสงสว่างน้อยได้เป็นอย่างดี โดยดีขึ้นถึง 2 เท่าด้วยกัน รวมถึงมีโหมด Auto Focus มาให้ทุกคนใช้งานด้วย อีกสิ่งที่สำคัญสุด ๆ ก็คือการเพิ่มโหมด Action Mode เข้ามาให้ ส่งผลให้การถ่ายวิดีโอมีความลื่นไหล และนิ่งมาก ด้วยการทำงานสอดประสานกับระบบกันสั่น ส่วนการบันทึกวีดีโอ 4K อยู่ที่ 24 FPS ดังนั้นใครเป็นสายทำคอนเทนต์ คงน่าจะโดนใจฟังก์ชั่นดังกล่าวพอสมควรเลยทีเดียว
หนึ่งในสิ่งที่ถูกเพิ่มเข้ามา คือ “ฟังก์ชั่นตรวจจับการชน” กรณีเกิดอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง ระบบจะทำการขอความช่วยเหลือ SOS ฉุกเฉินในทันที จึงเป็นอีกฟังก์ชั่นที่คนรักความปลอดภัยต้องการ โดยสำหรับ iPhone 14 และ iPhone 14 Plus นั้น มาพร้อมกับการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ในส่วนของ iPhone 14 จะสามารถเล่นวีดีโอสูงสุดอยู่ที่ 20 ชั่วโมง ขณะที่ iPhone 14 Plus เล่นวิดีโอยาวนานสูงสุดอยู่ที่ 26 ชั่วโมง จึงสามารถใช้งานภายในวันได้แบบชิล ๆ กันไปเลย
ส่วนรุ่นที่มีราคาแพงขึ้นมา ทั้ง iPhone 14 Pro (หน้าจอ 6.1 นิ้ว) และ iPhone 14 Pro Max (หน้าจอ 6.7 นิ้ว) มาพร้อมกับชิปประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง A16 Bionic ซึ่งมีหลายสิ่งดีขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นทางด้านประสิทธิภาพในการใช้งาน การประมวลผล หรือแม้กระทั่งการจัดการพลังงานก็ตาม มีการปรับปรุงหน้าจอ Super Retina XDR เพิ่มความสว่างของหน้าจอเป็น 2,000 นิต โดยกล้องหลักถูกปรับปรุงมาสู่ความละเอียด 48MP เหนือกว่า iPhone 13 Pro มากถึง 4 เท่า ! เลยทีเดียว กล้องเทเลโฟโต้สามารถถ่ายภายในพื้นที่แสงสว่างน้อย ดีขึ้นสูงสุดถึง 2 เท่า ส่วนกล้องอัลตราไวด์ สามารถถ่ายภาพมาโครได้อย่างสว่างและคมชัดยิ่งขึ้น
กล้องหน้าของทั้ง 2 รุ่นที่กล่าวมา ผ่านการปรับปรุงออโต้โฟกัส และมีรูรับแสงที่กว้างขึ้น จึงสามารถถ่ายรูปภาพในพื้นที่แสงสว่างน้อยดีขึ้นสูงสุดอยู่ที่ 2 เท่าด้วยกัน ขณะที่การถ่ายวิดีโอกล้องหลัก สามารถถ่ายวิดีโอได้อย่างลื่นไหล และนิ่ง ด้วยการบันทึกวีดีโอ 4K ที่ 24 FPS ส่วนอีกหนึ่งในฟีเจอร์เด็ด ก็คือ Always-On Display จะทำให้หน้าจอติดเสมอ แต่ปรับแสงสว่างลดลงไป เพื่อการแสดงสถานะต่าง ๆ เช่น การแสดงเวลา การแจ้งเตือน และการแสดงสถานะอื่น ๆ เป็นต้น เมื่อเราคว่ำหน้าจอของสมาร์ทโฟนลง หรือนำสมาร์ทโฟนใส่ลงไปภายในกระเป๋า หน้าจอก็จะดับลงไปเอง จึงช่วยให้เกิดการประหยัดแบตเตอรี่
อีกสิ่งที่ทำเอาหลาย ๆ คน ถึงกับต้องร้องว้าว! ออกมา คือการปรับเปลี่ยนรูปแบบของติ่ง ที่ถูกค่อนแคะมาอย่างยาวนานในช่วงที่ผ่านมา จากเดิมเคยเป็น “รอยบาก” มาสู่ “รูกล้อง” ซึ่งมีคนจำนวนไม่น้อยจองกฐินเตรียมรอสวดยับในวันเปิดตัว เพราะมันช่างขัดลูกกะตาซะเหลือเกิน แต่ปรากฏว่าทางค่าย Apple มีการแก้เกมใหม่ ด้วยการเสริมฟีเจอร์ Dynamic Island เข้ามา ทำให้การแสดงผลต่าง ๆ ตรงบริเวณรูกล้องจะปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบของแอพพลิเคชั่นได้อย่างลงตัว กระทั่งบางทีอาจจะต้องเรียกว่านี่คือจุดขายของรุ่น Pro เสียด้วยซ้ำไป สำหรับระยะเวลาในการใช้งานนั้น ย่อมต้องยาวนานกว่ารุ่นธรรมดา โดยในส่วนของ iPhone 14 Pro สามารถเล่นวิดีโอได้ยาวนานถึง 23 ชั่วโมงติดต่อกัน ส่วนรุ่น iPhone 14 Pro Max ถือว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานที่สุดในบรรดาทุกรุ่นที่กล่าวมา ด้วยการเล่นวิดีโอสูงสุดอยู่ที่ 29 ชั่วโมง
- iPhone 14 / iPhone 14 Plus ประกอบไปด้วย 5 สี ได้แก่ สีมิดไนท์ , สีสตาร์ไลต์ , สีม่วง , สีฟ้า และสีแดง PRODUCT(RED) ในราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นประมาณ 32,900 บาท
- iPhone 14 Pro / iPhone 14 Pro Max ประกอบไปด้วย 4 สี ได้แก่ สีดำสเปซแบล็ก , สีเงิน , สีม่วงเข้ม และสีทอง ในราคาวางจำหน่ายเริ่มต้นประมาณ 41,900 บาท
“iPhone 14 Series” น่าซื้อมาใช้งานหรือไม่ ?
การเปิดตัว iPhone 14 Series ทั้ง 4 รุ่น ออกมาสู่สายตาแฟน ๆ ทำให้หลายคนถึงกับอดใจแทบจะไม่ไหว จนอยากซื้อมาใช้งานในวันแรก ๆ ของการจำหน่ายเลยด้วยซ้ำ โดยหากจะถามว่า iPhone รุ่นดังกล่าวน่าซื้อขนาดไหน ต้องดูก่อนว่าสมาร์ทโฟนเครื่องปัจจุบันในมือของคุณคือรุ่นไหน หากเป็น iPhone 13 คงไม่คุ้มค่าที่จะขยับขึ้นมาใช้งาน iPhone 14 เพราะเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่าง ยังไม่แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่นัก ส่วนคนไหนใช้งานสมาร์ทโฟนในรุ่นที่ต่ำกว่า iPhone 13 คงต้องมาดูกันถึงความจำเป็นด้วยว่าคุณอยากใช้งานฟังก์ชั่นไหนภายใน iPhone 14 เป็นพิเศษบ้างหรือไม่ และเมื่อเห็นถึงความสำคัญของฟังก์ชั่นเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว การตัดสินใจซื้อ iPhone 14 มาเป็นเจ้าของ ก็คงหาใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
แต่เชื่อว่าคงจะมีหลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นสาวกค่าย Apple หรือคนที่เคยใช้งานสมาร์ทโฟนแบรนด์อื่น ๆ ก็ตาม ที่ตัดสินใจซื้อ iPhone 14 รุ่น Pro เพราะชื่นชอบฟีเจอร์ Dynamic Island ซึ่งคือการเปลี่ยน “จุดด้อย” มาเป็น “จุดเด่น” โดยจะมีการปรับเปลี่ยนการแสดงผลไปตามแอพพลิเคชั่น แม้ตอนนี้หลัก ๆ จะเป็นแอพพลิเคชั่นของทางค่าย Apple แต่อนาคตข้างหน้าคงจะมีนักพัฒนาแอพพลิเคชั่นเจ้าต่าง ๆ ต้องการออกแบบแอพพลิเคชั่นของตัวเองให้สอดคล้องกับฟีเจอร์ Dynamic Island ด้วยเช่นกัน จึงน่าจะกลายมาเป็นอีกสิ่งที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ iPhone 14 Pro และ iPhone 14 Pro Max