“สมาร์ทโฟน” ที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดปัจจุบัน เรียกได้ว่ามีให้เลือกหลากหลายรุ่นและหลายยี่ห้อ ซึ่งราคาของมือถือแต่ละรุ่นก็ขึ้นอยู่กับสเปกตัวเครื่อง, วัสดุที่ใช้ผลิต รวมถึงคุณสมบัติด้านการใช้งานต่าง ๆ ที่มือถือรุ่นนั้นสามารถรองรับได้ ซึ่งหนึ่งในคุณสมบัติสำคัญของมือถือประจำปี 2022 นั่นก็คือ ความสามารถในการรองรับเครือข่าย 5G ที่เร็วแรงกว่าเครือข่าย 4G แบบเดิมหลายเท่าตัว อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้มือถือส่วนใหญ่มักจะเข้าใจว่ามือถือรองรับ 5G จะต้องเป็นสมาร์ทโฟนเรือธงที่มีราคาแพงระดับ 20,xxx บาทขึ้นไปเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วเราสามารถเลือกซื้อมือถือ 5G ที่มีสเปกคุ้มค่าในราคาประหยัดได้เกือบครึ่งหนึ่ง ฉะนั้น วันนี้ เราจึงจะมาแนะนำ 10มือถือรองรับ 5G เล่นเกมได้ ถ่ายรูปแจ่ม ราคาไม่เกิน 15,xxx ประจำปี 2022
1. Motorola Edge 20 Fusion: ราคา 10,xxx บาท
หนึ่งในสมาร์ทโฟนระดับกลางที่มีสเปกคุ้มค่าในราคาไม่แพง รองรับการใช้งานได้ทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G, การเล่นเกม รวมถึงการถ่ายรูป โดย Motorola Edge 20 Fusion มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ OLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ รองรับการแสดงผลแบบ HDR10+ และมีรีเฟรชเรทระดับ 90Hz ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 800U 5G ที่ให้ขุมพลังสูงสุดถึง 2.4GHz เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB ที่รองรับ microSD สูงสุดถึง 512GB พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว TurboPower 30W ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่าชาร์จเพียง 10 นาที ก็เพียงพอสำหรับใช้งานได้ถึงครึ่งวันเลยทีเดียว
ในส่วนของการถ่ายภาพนั้นก็ติดตั้งกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108MP+8MP+2MP รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดระดับ 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูด้านบนหน้าจอ รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด FHD ที่ 30 เฟรมต่อวินาที ถือเป็นหนึ่งตัวเลือกที่ไม่เลวเลยสำหรับคนที่กำลังมองหามือถือ 5G ที่มีสเปกครบครัน
2. Samsung Galaxy M52 5G: ราคา 10,xxx บาท
มาต่อกันที่สมาร์ทโฟนรุ่นยอดฮิตของค่าย Samsung ที่เปิดตัวไปเมื่อช่วงปลายปี 2021 แต่ก็ยังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้มือถือระดับกลางมาจนถึงตอนนี้ โดยมันมาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.7 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรทถึง 120Hz ครอบทับด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 (สามารถอัพเดตเป็น Android 12 ได้) ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 778G 5G ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Adreno 642L ที่สามารถเล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง และยังรองรับระบบเสียง Dolby Atmos ตามสไตล์ Samsung ที่ให้เสียงดังกระหึ่มเหมาะกับการรับชมความบันเทิงทุกรูปแบบ เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 6GB ที่มีเทคโนโลยี RAM Plus ช่วยเพิ่ม RAM เสมือนได้อีก 4GB เป็น 10GB และมี ROM ความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว 25W
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+12MP+5MP รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K ที่ 30 เฟรมต่อวินาที พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 32MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ โดยรวมแล้วถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่มีงบค่อนข้างจำกัด
3. vivo T1 5G: ราคา 10,xxx บาท
มือถือระดับกลางที่ตอบโจทย์สายเกมมิ่งแบบสุด ๆ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลสูงถึง 401ppi รองรับรีเฟรชเรท 90Hz แถมยังติดตั้งลำโพงสเตอริโอกระจายเสียงรอบทิศทาง รองรับระบบเสียง Hi-Res Audio ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 (สามารถอัพเดตเป็น Android 12 ได้ทันที) ใช้ชิปประมวลผลประสิทธิภาพสูงในกลุ่มมิดเรนจ์อย่าง Snapdragon 778G 5G ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.4GHz เสริมประสิทธิภาพการเล่นเกมต่อเนื่องด้วยระบบระบายความร้อนแบบ Vapor Chamber Cooling System ใช้หน่วยคามจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB ที่รองรับ microSD สูงสุดถึง 512GB พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,700mAh รองรับระบบชาร์จไวถึง 66W ที่ทาง vivo เคลมว่าสามารถชาร์จจาก 0 – 100% ได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+8MP+2MP รองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียด FHD ที่ 30 เฟรมต่อวินาที และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำด้านบนหน้าจอ ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่กำลังมองหามือถือ 5G ที่เน้นเล่นเกมเป็นพิเศษ
4. realme GT Neo2: ราคา 13,xxx บาท
อีกหนึ่งมือถือ 5G สำหรับสายเกมมิ่งที่นอกจากสเปกสุดคุ้มค่าแล้ว ยังมีดีไซน์การออกแบบที่สลับกันระหว่างสีเงาและสีด้าน ดูโดดเด่นเตะตาเป็นพิเศษอีกด้วย โดยมันมาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลแบบ E4 AMOLED ขนาด 6.62 นิ้ว ความละเอียด FHD รีเฟรชเรทระดับ 120Hz และรองรับการแสดงผล HDR10+ ที่ให้ สีสันคมชัดสมจริงและไหลลื่นไม่มีสะดุด ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 870 5G ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G และให้ขุมพลังสูงสุดถึง 3.2GHz ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Adreno 650 ที่เล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ ได้อย่างลื่นไหลหายห่วง เสริมด้วยระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงแบบ Stainless Steel Vapor Cooling Plus ช่วยให้เฟรมเรทไม่ตกแม้จะเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานานก็ตาม ใช้หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่อึด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว SuperDart 65W
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+8MP+2MP พร้อมโหมดถ่ายภาพระดับโปรให้เลือกใช้หลากหลาย และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูบริเวณมุมซ้ายบนของจอภาพ
5. vivo V23e 5G: ราคา 12,xxx บาท
สมาร์ทโฟน 5G จากค่าย vivo อีกรุ่นหนึ่งที่เปิดตัวออกมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2021 แต่ก็ยังได้รับความนิยมมาจนถึงตอนนี้ เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหามือถือสายเชลฟี่กล้องหน้าเป็นพิเศษ โดยมันมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.44 นิ้ว ความละเอียด FHD+ มีค่าความหนาแน่นเม็ดพิกเซลสูงถึง 409ppi ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปเซ็ต Dimensity 810 ที่ให้ความเร็วสูงสุด 2.0GHz สามารถใช้เล่นเกมได้ดีในระดับหนึ่ง เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,050mAh รองรับระบบชาร์จไว Fast Charging 44W ที่ทางผู้ผลิตยืนยันว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 69% ภายใยเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50MP+8MP+2MP และมีกล้องหน้าความละเอียดถึง 44MP ที่ใช้ดีไซน์ทรงหยดน้ำด้านบนจอภาพ และมีฟีเจอร์เด่นอย่าง Dual-View Video ที่ผู้ใช้สามารถแบ่งหน้าจอถ่ายวิดีโอพร้อมกันทั้งหน้าและหลังได้ด้วย
6. OnePlus Nord CE 2 5G: ราคา 12,xxx บาท
รุ่นที่น่าสนใจต่อมาเป็นของค่าย OnePlus ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยมันมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.43 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรท 90Hz และ HDR 10+ ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปประมวลผล Dimensity 900 ที่รองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G และให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.4GHz ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Mali-G68 MC4 ที่เล่นได้อย่างลื่นไหล เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 512GB พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับระบบชาร์จไว SuperVOOC 65W ที่ชาร์จเพียง 15 นาที ก็เพียงพอต่อการใช้งานได้เต็มวัน
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+8MP+2MP และมีระบบ AI ช่วยปรับแสงให้ภาพที่ได้มีความคมชัดทุกสภาพแสง พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูบริเวณมุมซ้ายบนของจอภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกสุดคุ้ม ๆ สำหรับผู้ที่กำลังมองหามือถือ 5G สเปกครบครัน
7. Redmi Note 11 Pro 5G: 10,xxx บาท
มือถือ 5G จากแบรนด์ในเครือของ Xiaomi ที่รองรับการใช้งานหลากหลายรูปแบบในราคาระดับกลาง ๆ มาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รีเฟรชเรท 120Hz และรองรับการแสดงผล HDR 10 ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ที่ให้ขุมพลังแรงสูงสุด 2.2GHz ทำงานร่วมกับจีพียูแบบ Adreno 619 ที่รองรับการเล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ ได้ดีในระดับหนึ่ง เสริมด้วยระบบบายความร้อนแบบ LiquidCool ช่วยให้เล่นเกมได้นานขึ้น ใช้หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB รองรับ microSD สูงสุดถึง 1TB พร้อมแบตเตอรี่อึด 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว Turbo Charge 67W ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 50% ภายในเวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108MP+8MP+2MP พร้อมโหมดถ่ายภาพระดับโปรให้เลือกใช้หลากหลาย พร้อมกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ
8. OPPO Reno7 Z: ราคา 12,xxx บาท
ลองข้ามมาดูที่ฝั่งของ OPPO กันบ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่ามีมือถือ 5G ราคาไม่เกิน 15,xxx บาท ที่น่าสนใจอย่าง OPPO Reno7 Z ที่เปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงเดือนเมษายน ที่ผ่านมา โดยมันมาพร้อมหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับการชมภาพยนตร์บนแพลตฟอร์ม Netflix หรือ Amazon ได้ที่ระดับ HD ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปประมวลผล Snapdragon 695 5G ความเร็วสูงสุด 2.2GHz ซึ่งนอกจากจะรองรับการเชื่อมต่อบนเครือข่าย 5G แล้ว ยังสามารถเล่นเกมได้ดีพอสมควรอีกด้วย แถมตัวเครื่องยังกันน้ำกันฝุ่นระดับ IPX4 ที่สามารถป้องกันละอองน้ำ, เหงื่อ หรือฝน จากทุกทิศทางได้ ใช้หน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 128GB พร้อมแบตเตอรี่ความจุ 4,500mAh รองรับระบบชาร์จไว SuperVOOC 33W ที่ทาง OPPO นั่งยันนอนยันว่าสามารถชาร์ตแบตจาก 0 – 100% ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 64MP+2MP+2MP พร้อมเทคโนโลยี Ultra-Clear 108MP Image ที่ช่วยเพิ่มความคมชัดให้ภาพถ่ายได้ถึงระดับโปร และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูตรงกลางด้านบนหน้าจอ โดยรวมแล้วถือเป็นมือถือ 5G อีกรุ่นหนึ่งที่มีสเปกคุ้มค่าเหมาะกับผู้ที่กำลังมองหามือถือที่สามารถใช้งานได้หลากหลาย
9. POCO X4 Pro 5G: ราคา 10,xxx บาท
มือถือ 5G จากค่าย POCO ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมือถือเกมมิ่งราคาประหยัดที่สุด โดยมันมาพร้อมสเปกเร็วแรงตามสไตล์เกมมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าจอแบบ AMOLED ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ รองรับรีเฟรชเรท 120Hz และการแสดงผลแบบ HDR 10 ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 11 ใช้ชิปเซ็ต Snapdragon 695 5G ความเร็ว 2.2GHz ที่สามารถเล่นเกมได้อย่างลื่นไหล เสริมด้วยระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูงแบบ LiquidCool 1.0 Plus ช่วยให้เล่นเกมได้ต่อเนื่องยาวนานโดยที่เครื่องไม่ร้อน พร้อมมอเตอร์ลิเนียร์แกน Z ที่ให้แรงสั่นเวลาเล่นเกมได้สมจริงใกล้เคียงกับอุปกรณ์จอยสติ๊ก และรองรับระบบเสียง Hi-Res Audio ที่ให้เสียงคมชัด ติดตั้งแบตเตอรี่ขนามใหญ่ 5,000mAh รองรับระบบชาร์จไว Turbo Charge 67W ที่ทางผู้ผลิตเคลมว่าสามารถชาร์จแบตจาก 0 – 70% ในเวลาเพียง 22 นาทีเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 108MP+8MP+2MP และมีกล้องหน้าความละเอียด 16MP ที่ใช้ถ่ายเซลฟี่ได้สวยงามตามท้องเรื่อง สเปกโดยรวมแล้วถือเป็นมือถือ 5G สไตล์เกมมิ่งที่คุ้มค่า เหมาะสำหรับผู้ที่มีงบค่อนข้างจำกัด
10. realme 9 Pro+: ราคา 12,xxx บาท
มือถือ 5G จากค่าย realme อีกรุ่นหนึ่งที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ด้วยสเปกที่ต้องบอกว่าจัดหนักและดีไซน์การออกแบบสวยงามโดดเด่น โดยมันมาพร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ Super AMOLED ขนาด 6.4 นิ้ว รองรับอัตรารีเฟรชเรท 90Hz ครอบด้วยกระจก Corning Gorilla Glass 5 ขับเคลื่อนการทำงานด้วยระบบปฏิบัติการ Android 12 ใช้ชิปประมวลผลระดับสูงในกลุ่มมิดเรนจ์อย่าง Dimensity 920 5G ที่ให้ความเร็วสูงสุดถึง 2.5GHz ทำงานร่วมกับการ์ดจอ Mali-G68 MC4 ที่เล่นเกมกราฟฟิกสูง ๆ ได้ลื่นไหลในระดับหนึ่ง เสริมด้วยหน่วยความจำ RAM ขนาด 8GB และ ROM ความจุ 256GB พร้อมแบตเตอรี่ขนาด 4,500mAh ที่อาจจะฟังดูน้อยไปหน่อย แต่ก็ทดแทนด้วยระบบชาร์จไว SuperDart Charge 60W ที่ทาง realme เคลมว่าสามารถชาร์จเต็ม 100% ภายในเวลาเพียง 44 นาทีเท่านั้น
ในส่วนของการถ่ายภาพก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว ความละเอียด 50MP+8MP+2MP จุดเด่นอยู่ที่ตัวกล้องหลักใช้เซนเซอร์ Sony IMX766 พร้อมระบบกันสั่น OIS แถมยังมีฟีเจอร์การถ่ายกลางคืนด้วย Ultra Nightscape ที่เก็บแสงได้ดียิ่งขึ้น ขณะที่กล้องหน้าให้มาที่ความละเอียด 16MP ใช้ดีไซน์แบบเจาะรูบริเวณมุมซ้ายบนของจอภาพ ถือเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่สเปกโดดเด่นแต่อยู่ในราคาที่ใครก็เอื้อมถึง
ทั้งหมดนี้คือ 10 สมาร์ทโฟนรองรับ 5G ที่รองรับการใช้งานได้อย่างหลากหลาย ในราคาไม่เกิน 15,xxx บาท ประจำปี 2022 ที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้ จะเห็นได้ว่าราคาของแต่ละรุ่นนั้นห่างกันเพียงแค่หลัก 1,000 – 2,000 บาทเท่านั้น ขึ้นอยู่กับสเปกและฟีเจอร์เด่นของแต่ละรุ่น ส่วนใครจะเลือกใช้งานรุ่นไหนนั้นก็ควรคำนึงถึงไลฟ์สไตล์ของตัวเองเป็นหลัก อย่างเช่นมือถือบางรุ่นที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานสายเซลฟี่ ถ้าหากเราเป็นสายเกมมิ่งที่ชอบเล่นเกมก็คงไม่ตอบโจทย์เท่าไหร่ ฉะนั้น จงอย่าลืมว่าการเลือกซื้อมือถือให้คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปที่สุดก็คือเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองนั่นเอง