วิธีลบไฟล์ขยะใน Windows ในปี 2022 จะช่วยให้เราแก้ไขเรื่องเครื่องที่ช้าลง หน่วง หรือ อืด เรื่องนี้อาจจะเป็นปัญหาของใครหลายคน ที่ทำงาน หรือเล่นเกมก็ตาม เครื่องที่ช้าลงจะส่งผลต่อกิจกรรมที่เราทำ และเพื่อใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การลบไฟล์ขยะในระบบปฏิบัติการนั้นจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ของคุณทำงานได้ดียิ่งขึ้น
วิธีลบไฟล์ขยะใน Windows ในปี 2022 การจัดเก็บไฟล์ชั่วคราวเป็นแคชก็มีข้อเสียอีกหนึ่งข้อเช่นกัน หากว่าความจุของฮาร์ดดิสก์ของคุณมีขนาดเล็ก หรืออาจจะเป็นเพราะว่า ไฟล์มีหลากหลายขนาดแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความถี่ของการใช้โน๊ตบุ๊ค หรือคอมพิวเตอร์ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะมีขนาดค่อนข้างเล็ก
วิธีลบไฟล์ขยะใน Windows ในปี 2022
แม้ว่าไฟล์จะมีขนาดเล็กแต่ไฟล์ชั่วคราวจะถูกเก็บไว้เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงความจุของดิสก์ในระยะยาว เหตุผลนี้เราถึงต้องการลบไลฟ์ขยะจำนวนมากนี้ เพื่อให้ความจุของฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์สามารถเก็บข้อมูลอื่น ๆ ได้มากขึ้น
1. ล้างขยะรีไซเคิล
การล้างขยะรีไซเคิลเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่ายที่สุด แต่กลับถูกมองข้ามในบางครั้งแต่เป็นสิ่งแรกทำ เนื่องจากคุณได้ตัดสินใจที่จะลบไฟล์นั้นแล้วถึงได้มาอยู่ที่นี้ ทุกไฟล์ที่คุณลบจะอยู่ในถังรีไซเคิล แต่ไฟล์ที่ถูกลบจะยังอยู่จนกว่าคุณจะล้างข้อมูลในขยะรีไซเคิล
ขั้นตอนที่ 1 เพียงคุณคลิกขวาไปที่ Recycle Bin เลือกที่ Empty Recycle Bin
ขั้นตอนที่ 2 เลือกไปที่ Yes เท่านี้ก็เสร็จสิ้นแล้ว
มีอีกหนึ่งวิธี หากคุณหมั่นใจว่าจะลบไฟล์เป็นที่แน่นอนแล้ว ให้กด Shift + Delete และเลือกไปที่ Yes ไฟล์นั้นก็จะถูกล้างไปทันที หากคุณลบไฟล์ด้วยวิธีนี้ ไฟล์ของคุณจะไม่เข้าไปอยู่ที่ Recycle Bin แต่จะหายไปจากคอมพิวเตอร์ หรือ โน๊ตบุ๊คของคุณทันที
2.วิธีลบไฟล์ขยะ Windows ผ่านโฟลเดอร์ชั่วคราว
สำหรับบางคนที่ไม่เคยใช้วิธีนี้โดยการลบไฟล์ที่อยู่ในระบบปฏิบัติการ Windows อาจรู้สึกกังวลบ้างสำหรับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ วิธีนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย และความจุของฮาร์ดไดร์ฟก็จะว่างขึ้น ขนาดของโฟลเดอร์ temp บน Windows มีจำนวนที่ค่อนข้างมาก บางคนอาจจะถึง 10GB หรือมากกว่านั้นก็เป็นได้
ขั้นตอนที่ 1 เปิดตัวรันก่อนโดยการกดคีย์ลัดสองปุ่ม คือ Windows + R หลังจากนั้นตัวรันจะเด้งขึ้นมา
ขั้นตอนที่ 2 ป้อนคีย์เวิร์ด “%temp%” ในช่อง Run และกด OK
ขั้นตอนที่ 3 หลังจากนั้นจะมีหน้าต่างใหม่ปรากฏขึ้นมา ซึ่งจะแสดงไฟล์ และโฟลเดอร์จำนวนมาก ให้เราทำการลบไฟล์ และโฟลเดอร์ในหน้าต่างนั้นให้หมด ย้ำว่าลบทั้งหมด
วิธีลบไฟล์ขยะใน Windows ในปี 2022
3.ลบไฟล์ขยะด้วยการล้างข้อมูลในดิ
การล้างข้อมูลบนดิสก์เป็นที่ยอดนิยมใช้กันทั่วไปในการล้างไฟล์ขยะ นอกจากนี้การใช้วิธีนี้ยังใช้กับ Windows ได้ทุกรุ่นตั้งแต่ Windows XP ไปจนถึง Windows 11 ซอฟต์แวร์ถูกออกแบบมาเพื่อล้างไฟล์ขยะ เนื่องจากมีบางไฟล์ที่ไม่สามารถลบได้โดยใช้โฟลเดอร์ Temp ในข้อ 2 และวิธีนี้ยังเป็นวิธีที่ทำไม่ยากอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 1 เปิด My computer หรือ My Pc
ขั้นตอนที่ 2 คลิกขวาที่ไดร์ฟ C: และเลือกไปที่ Properties
ขั้นตอนที่ 3 เลือกไปที่ Disk Cleanup
ขั้นตอนที่ 4 สำหรับส่วนที่เหลือ คุณเพียงต้องรอ 10 ถึง 20 นาที โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับจำนวนไฟล์ขยะของคุณว่าจะมากน้อยแค่ไหน
4. ล้างไฟล์ขยะด้วย CCleaner
โปรแกรมที่มีฟังก์ชั่นมากมาย นอกจากความสามารถในการทำความสะอาด CCleaner ยังช่วยคุณในการล้างไฟล์แคชเพื่อถอนการติดตั้งโปรแกรมบางโปรแกรมได้อย่างหมดจน และยังเป็นโปรแกรมที่คนนิยมใช้กันมากอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 1 ในเมนูทางซ้าย ให้คลิกเลือกที่ Registry จากนั้นคลิก Scan for Issues
ขั้นตอนที่ 2 เลือกที่ Fix Selected Issues
ขั้นตอนที่ 3 เลือกที่ Yes
เพียงเท่านี้ก็สำเร็จเรียบร้อย
ความหมายของไฟล์ขยะ คือไฟล์ที่สะสมมากจนเกินไป และไฟล์เหล่านั้นก็ไม่สารารถทำอะไรให้คอมพิวเตอร์ของคุณได้ ดังนั้น ไฟล์ขยะประเภทนี้สามารถเป็นไฟล์ใดก็ได้ หากคุณใช้คอมพิวเตอร์ของคุณมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว วิธีเหล่านี้อาจจะช่วยลบไฟล์ขยะได้มากถึงหลัก 100GB เลยทีเดียว การจัดการล้างไฟล์ขยะเป็นประจำจะช่วยคอมพิวเตอร์ของคุณในระยะยาว และไม่ทำให้เครื่องของคุณทำงานช้าลงอีกด้วย