“Intel” หนึ่งในบริษัทด้านไอทีระดับยักษ์ใหญ่ของโลก สร้างความตื่นตระหนกในวงการไม่น้อย หลังจากมีการประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่าหลายพันคน จากประกาศผลประกอบการทางการเงินของไตรมาสที่ 3 โดยจุดประสงค์หลัก ๆ ในการเลิกจ้างพนักงานครั้งใหญ่ เป็นเพราะต้องการลดภาระทางด้านงบประมาณ ซึ่งตั้งเป้าลดรายจ่ายภายในต้นปีหน้าเอาไว้ราว 3,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 113,580 ล้านบาท
แต่นอกเหนือไปจากการลดจำนวนพนักงานลงแล้ว ทางด้าน “Pat Gelsinger” ยังเปิดเผยต่อสำนักข่าว Bloomberg อีกว่า ต้องการลดชั่วโมงในการทำงานของพนักงานบางส่วนด้วย โดยค่าใช้จ่ายสำหรับการจ้างพนักงานนั้น นับว่าเป็นส่วนที่ค่อนข้างน้อยนิด เมื่อเทียบเคียงกับรายจ่ายทั้งหมดของบริษัท ซึ่งรายจ่ายส่วนใหญ่จะหมดไปกับการก่อสร้างโรงงาน รวมถึงอาคารแห่งใหม่ ๆ ยกตัวอย่างเช่น “โรงงานแห่งหนึ่งภายในรัฐโอไฮโอ” ที่มีรายจ่ายมหาศาลถึง 20,000 ล้านเหรียญ หรือเมื่อคิดเป็นค่าเงินไทยแล้ว ปาเข้าไปกว่า 757,000 ล้านบาทเลยทีเดียว
โดยสถานการณ์ของบริษัท Intel ดูเหมือนจะไม่ค่อยสู้ดีนัก เนื่องจากรายรับของบริษัทดังกล่าวลดลงมากพอสมควร เมื่อเทียบกับรายรับของปีก่อน ๆ สาเหตุสำคัญเชื่อว่าคงไม่พ้นสภาวะเซมิคอนดักเตอร์ล้นตลาด จนก่อให้เกิดผลกระทบต่าง ๆ ไปทั่วอุตสาหกรรมผลิตชิป โดยเฉพาะผลกระทบเกี่ยวกับรายได้ จึงอาจจะเป็นที่มาของการเลิกจ้างพนักงานในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน เอาเป็นว่าเมื่อมีการประกาศเลิกจ้างพนักงานเยอะขนาดนี้ คงจะทำให้พนักงานหลายคนเกิดอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตามกัน จึงจำเป็นต้องเร่งพิสูจน์ฝีมือ เพื่อให้บริษัทมองเห็นถึงความสำคัญ เพราะมิเช่นนั้นอาจจะต้องกลายเป็น “รายต่อไป”
ที่มา theverge