ประเทศไทยถือว่าเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอากาศร้อนมาก ต่อให้คุณจะอยู่ตรงส่วนไหนของประเทศ ก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานความร้อนอย่างเสมอหน้ากัน ยิ่งในช่วงเดือนเมษายนของทุกปี จะมีอากาศร้อนระอุเป็นพิเศษ จนหลายคนต้องหันมาพึ่งการใช้งานเครื่องปรับอากาศ เพื่อผ่อนคลายร่างกายจากความร้อน แน่นอนว่า การใช้งานเครื่องปรับอากาศ ย่อมทำให้อากาศเกิดความเย็นสบาย แต่เมื่อบิลค่าไฟมาส่งถึงบ้าน ก็ทำเอาทุกคนถึงกับต้องช็อกไปตามกัน เพราะเดิมทีอัตราการเก็บค่าไฟก็สูงอยู่แล้ว แต่ล่าสุดภาครัฐเพิ่งมีการประกาศขึ้นค่าไฟออกมา ซึ่งคืออัตราค่าไฟที่สูงเป็นประวัติการณ์ เราจึงจำเป็นต้องจ่ายค่าไฟด้วยราคาที่แพงกว่าเดิม
ภาพจาก : Chetta Boonjarito
ด้วยความที่ราคาค่าไฟพุ่งพรวดเช่นนี้ จึงกลายมาเป็นสาเหตุที่ทำให้บางท่านเริ่มมองหาพลังงานทางเลือกอื่น ๆ มาทดแทน โดยอีกพลังงานทางเลือกที่คนส่วนใหญ่ต่างคุ้นเคยกันดี ก็คือ “โซลาร์เซลล์” นั่นเอง แต่อันที่จริงแล้วการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ หาใช่สิ่งแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะเราเห็นเทคโนโลยีดังกล่าวกันมาตั้งแต่ช่วงวัยเด็กแล้ว เพียงแค่อาจจะยังไม่เคยลองใช้งานมันอย่างจริง ๆ จัง ๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องธรรมดาหากจะมองว่านี่คือเทคโนโลยีที่ค่อนข้างไกลเกินตัว อย่างไรก็ตามในปัจจุบันเราเริ่มเห็นการนำเทคโนโลยีโซลาร์เซลล์มาใช้งานกันเยอะขึ้นแล้ว ไม่ว่าจะเป็น บ้านเดี่ยว/ บ้านจัดสรร/ หรือคอนโดก็ตาม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านค่าไฟลงไป
? “Solar Rooftop” พลังงานแสงอาทิตย์ บนหลังคาบ้านของคุณเอง !
อย่างที่ทราบกันว่า “โลก” และ “แสงอาทิตย์” เป็นสิ่งที่อยู่คู่กันมาโดยตลอด เป็นเหตุให้นักวิทยาศาสตร์เล็งเห็นถึงประโยชน์ของพลังงานดังกล่าว จึงมีการคิดค้นนวัตกรรมโซลาร์เซลล์ขึ้นมาในที่สุด ซึ่งเกิดการใช้งานกันอย่างเป็นวงกว้างไปทั่วโลก กระทั่งในยุคปัจจุบันเริ่มเห็นการปรับใช้ภายในครัวเรือนมากขึ้นแล้ว โดยต้องยอมรับว่าในครั้งแรกคงต้องนำเงินก้อนออกมาจ่ายกันบ้าง แต่เมื่อติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เรียบร้อยแล้ว จะก่อให้เกิดผลประโยชน์ระยะยาวตามมาอย่างแน่นอน อีกทั้งยังทำให้บ้านของเรานั้นดูดี มีสไตล์ รวมถึงสอดคล้องเข้ากับสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
หากใครเริ่มหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับนวัตกรรมโซลาร์เซลล์ น่าจะมีความคุ้นเคยกับคำว่า “Solar Rooftop” กันมาบ้างแล้ว ซึ่งมันก็คือการนำอุปกรณ์ อย่าง “แผงโซลาร์เซลล์” มาติดตั้งเอาไว้บนหลังคาบ้านของเรานั่นเอง เพื่อการกักเก็บพลังงานมาใช้งานสำหรับครัวเรือน โดยเมื่อรับพลังงานจากแสงอาทิตย์แล้ว จะเกิดการส่งกระแสไฟฟ้าไปสู่เครื่องแปลงไฟ จากนั้นค่อยเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรงให้กลายมาเป็นกระแสไฟฟ้าสลับ และทำการแจกจ่ายไฟฟ้าสู่ครัวเรือนภายในเวลาต่อมา ส่วนในกรณีที่สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ระบบจะมีการสลับกลับมาใช้งานไฟฟ้าปกติโดยอัตโนมัติ ทำให้สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องไม่ติดขัด จึงนับว่านี่คืออีกทางเลือกที่ควรนำมาพิจารณาในช่วงที่ค่าไฟแพงเช่นนี้
ภาพจาก : solartron
“แสงอาทิตย์” คือพลังงานสะอาดที่เราสามารถนำมาใช้งานได้อย่างไม่รู้จบ ตราบใดที่ดวงอาทิตย์ยังคงยืนหยัดเป็นศูนย์กลางของระบบสุริยะจักรวาลต่อไป ที่สำคัญคือไม่ปล่อยมลภาวะออกมาสู่สาธารณะอีกด้วย จึงเป็นเทคโนโลยีแห่งการรักโลกอย่างแท้จริง และจากที่ทราบมาพบว่ามันช่วยลดภาระค่าไฟลงไปบ้าง แม้จะไม่ถึงกับลดภาระค่าใช้จ่ายไปทั้งหมด แต่ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าเยอะพอสมควรเลยทีเดียว โดยหากลองนับยอดค่าไฟของทุกเดือนที่ลดลงไปมารวมกัน จะเห็นเลยว่าเป็นเงินจำนวนมากอยู่เหมือนกัน ยิ่งคนไหนเลือกใช้อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีความประหยัดไฟด้วยแล้ว ก็จะทำให้เห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมยิ่งขึ้นไปอีก
? “Solar Rooftop” ในต่างประเทศ มุ่งหน้าไปถึงขั้นไหนแล้ว ?
ในยุคปัจจุบันที่ทุกคนกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับสภาวะโลกร้อน เป็นเหตุให้กระแสเกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อมกำลังมาแรง โดยกระแสภายในต่างประเทศนั้น ก็นับว่าเกิดความตื่นตัวมาก ๆ เช่นเดียวกัน จึงไม่แปลกหากเทคโนโลยี Solar Rooftop จะได้รับความนิยมไปหลากหลายประเทศทั่วโลก ซึ่งมีบางเมืองอยู่เหมือนกัน ที่มีการใช้งาน Solar Rooftop อย่างแพร่หลาย กระทั่งถูกมองว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับพวกเขาไปแล้วด้วยซ้ำ ดังนั้นอยากยกตัวอย่างสัก 2 ประเทศ เพื่อให้มองเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
มาเริ่มต้นกันด้วย เมืองไฟร์บวร์ก จากประเทศเยอรมนี ล่าสุดเกิดการจัดตั้งชุมชนพลังงานแสงอาทิตย์ต้นแบบอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยทุกอาคารภายในชุมชนแห่งดังกล่าวจะถูกติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เอาไว้ จุดประสงค์เพื่อการผลิตไฟฟ้ามาใช้งานกันในครัวเรือน โดยจากข้อมูลพบว่าชุมชนแห่งนี้สามารถผลิตพลังงานไฟฟ้ามากถึง 420,000 กิโลวัตต์ / ชั่วโมง ซึ่งถ้าเกิดใครเคยเดินทางไปเยี่ยมชมชุมชนนี้มาก่อน จะสัมผัสได้ถึงความทันสมัยล้ำหน้า และสอดรับกับสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัว แถมยังช่วยลดการปล่อยมลภาวะอีกด้วย จึงกลายมาเป็นอีกชุมชนที่ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง
มาต่อกันด้วยประเทศภายในทวีปเอเชีย อย่าง ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทางรัฐบาล และประชาชน ต่างให้ความร่วมมือต่อกัน โดยประชาชนของประเทศญี่ปุ่นหันมาใช้พลังงานจากแสงอาทิตย์เป็นจำนวนมาก จึงสามารถผลิตพลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นกว่า 4,000 เมกะวัตต์ เมื่อนำมาเปรียบเทียบจะพบว่าเท่ากับเตาปฏิกรณ์ไฟฟ้านิวเคลียร์ประมาณ 4 โรงด้วยกัน แต่นอกจากที่กล่าวมาในข้างต้นแล้ว ทางรัฐบาลสนับสนุนพลังงานสะอาด ด้วยการรับซื้อไฟฟ้าจากบ้านเรือน ในราคาที่ค่อนข้างสูงพอตัวเลยทีเดียว ช่วยกระตุ้นให้เกิดความสนใจใน Solar Rooftop จนแพร่หลายในหมู่ประชาชนไปอีกระดับ
โดยในส่วนของประเทศไทยนั้น ถือว่าเป็นประเทศที่เหมาะต่อการใช้เทคโนโลยี Solar Rooftop ด้วยเช่นกัน เนื่องจากพิกัดตั้งอยู่ตรงบริเวณโซนร้อน จึงมีความเข้มข้นของแสงอาทิตย์อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ซึ่งทางรัฐบาลไทยเองก็เริ่มให้การสนับสนุนไปบ้างแล้วเหมือนกัน ทั้งการสนับสนุนให้เกิดการติดตั้ง Solar Rooftop ด้วยความอิสระ และรับซื้อพลังงานไฟฟ้าจากครัวเรือนด้วย เพียงแต่จำเป็นต้องพึ่งพาการสนับสนุนจากทางรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงต้องกำหนดนโยบายดี ๆ ออกมาล่อตาล่อใจของประชาชนเพิ่มขึ้น จะช่วยให้เกิดความตื่นตัวในหมู่ประชาชนด้วยกัน กระทั่งประชาชนส่วนใหญ่อยากเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยี Solar Rooftop ในที่สุด แม้จะต้องยอมเสียเงินก้อนในการติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ตาม แต่เมื่อเห็นถึงประโยชน์ของเทคโนโลยีดังกล่าวแล้ว หลาย ๆ คนก็คงจะไม่มัวแต่ลังเลอีกต่อไป