สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่กำลังวางแผนจะซื้อการ์ดจอ หรือสินค้า IT มาครอบครองเป็นเจ้าของ คงจะเกิดอาการหนาว ๆ ร้อน ๆ ไปตามกัน เมื่อเห็นข่าวความขัดแย้งกรณีจีน-ไต้หวัน ที่กังวลว่าจะลุกลามบานปลายเป็นสงครามขึ้นมา เพราะสื่อแทบทุกสำนักทั่วโลกต่างรายงานตรงกัน ถึงความเสี่ยงที่ราคาของสินค้า IT จะปรับเพิ่มขึ้น แต่บางคนอาจจะไม่รู้ถึงต้นสายปลายเหตุ ว่าราคาของสินค้า IT มีความเกี่ยวโยงต่อสถานการณ์นี้อย่างไรบ้าง วันนี้จึงอยากชวนทุกคนมาไขข้อสงสัยทั้งหมดไปด้วยกัน
เกมอำนาจ ! พญามังกร – ผญาอินทรี ผู้กุมชะตา “ไต้หวัน”
สถานการณ์การเมืองโลกกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์ความตึงเครียดระหว่างไต้หวันและจีน อันเนื่องมาจากการที่ “แนนซี เพโลซี” ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ เดินทางไปเยือนไต้หวันเมื่อไม่นานที่ผ่านมา จนสร้างความโกรธเคืองแก่รัฐบาลจีนเป็นอย่างมาก เพราะก่อนหน้านี้ทางด้าน “สี จิ้นผิง” ประธานาธิบดีจีน เพิ่งออกปากเตือนทางสหรัฐฯ อยู่หยก ๆ ว่า “อย่าเล่นกับไฟ” เพื่อห้ามปรามสหรัฐอเมริกาต่อการเข้ามายุ่งย่ามที่แผ่นดินไต้หวัน
ซึ่งแน่นอนว่า คนที่มีอุดมการณ์อันแข็งกร้าว อย่าง “แนนซี เพโลซี” เลือกที่จะเมินเฉยต่อคำขู่เหล่านี้ และมุ่งหน้าลัดฟ้าไปสู่ไต้หวันในที่สุด โดยเมื่อเธอย่างเท้าก้าวลงสู่แผ่นดินของไต้หวัน ความตึงเครียดระหว่างไต้หวัน จีน รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา ก็เริ่มปะทุขึ้นทันที ในภายหลังจีนจึงมีการประกาศซ้อมรบในหลาย ๆ จุด ซึ่งมีความใกล้เคียงกับอาณาเขตของไต้หวันเลยทีเดียว ที่สำคัญคือ ประกาศแบนสินค้าไต้หวันหลากหลายชนิดอีกด้วย ซึ่งบรรดาเหล่านักวิเคราะห์ต่างมองว่าเป็นสัญญาณแห่งความตึงเครียดครั้งใหญ่ ที่อาจจะนำมาสู่เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่บานปลายในอนาคตข้างหน้า แต่จะลุกลามถึงขั้นทำสงครามระหว่างกันหรือไม่นั้น คงเป็นเรื่องเร็วเกินไปที่จะด่วนสรุปตอนนี้
อย่างที่ทราบกันว่า โลกของเราต้องเผชิญกับวิกฤติทางเศรษฐกิจมากมาย จากสงครามระหว่างยูเครน และรัสเซีย ซึ่งยังไม่เห็นวี่แววว่าสงครามดังกล่าวจะสิ้นสุดลงเลย โดยจากการทำสงครามของทั้งสองประเทศนั้น ไม่เพียงแค่ส่งผลกระทบในแง่ความมั่นคงของทั่วโลกเท่านั้น แต่ส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงสุด ๆ อย่างที่แทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิต ราคาสินค้าต่าง ๆ พุ่งกระฉูดจนน่าเหลือเชื่อ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจนน่าตกใจ
ตอนนี้คนบางส่วนจึงมีความกังวลว่าหากสงครามระหว่างจีน-ไต้หวัน เกิดการปะทุขึ้นมา ราคาสินค้าคงทะยานขึ้นจนแทบคุมไม่อยู่ ซึ่งไต้หวันก็เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ดังนั้นถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับไต้หวัน ย่อมต้องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรม IT ตามไปด้วย เราอาจได้เห็นราคาการ์ดจอ และสินค้า IT อีกหลายชนิด ปรับขึ้นราคากันเป็นว่าเล่น
“ไต้หวัน” แหล่งผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ผู้ส่งออกชิปสู่บริษัท IT ชั้นนำมากมาย
“ไต้หวัน” มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรม IT ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตชิปแห่งสำคัญของโลก อันเป็นชิ้นส่วนที่อุปกรณ์ IT หลาย ๆ ชนิดขาดไม่ได้ โดยทางค่าย “Taiwan Semiconductor Manufacturing Company” หรือ “TSMC” มีส่วนอย่างมากในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมชิป ซึ่งปัจจุบันกำลังครองความเป็นผู้นำด้านการผลิตชิปที่ทันสมัยที่จัดจำหน่ายไปทั่วทุกมุมโลก แถมมีบริษัทใหญ่ ๆ เป็นลูกค้าด้วยอีกเพียบ ทั้ง NVIDIA , AMD และ Apple ที่ล้วนแล้วแต่เป็นค่ายอันดับต้น ๆ ของวงการ IT ทั้งนั้นเลย ดังนั้นอุปกรณ์ IT บางรุ่นที่เรากำลังใช้งานอยู่ขณะนี้ อาจจะใช้ชิปที่ถูกผลิตภายในไต้หวันก็เป็นได้
เดิมทีหลาย ๆ คนอาจจะยังไม่เคยทราบมาก่อนว่า ไต้หวัน คือแหล่งผลิตชิประดับชั้นนำอีกแห่งหนึ่ง แต่เมื่อสถานการณ์ระหว่างไต้หวัน และจีน กลับมาคุกรุ่นอีกครั้ง ดูเหมือนสื่อสำนักต่าง ๆ จะพากันมาเล่นในประเด็นนี้ จึงทำให้คนทราบว่าจริง ๆ แล้ว ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตชิป ที่ส่งออกสินค้าไปยังหลากหลายค่าย ทั้งในอุตสาหกรรมผลิตการ์ดจอ อุปกรณ์สื่อสาร หรือสินค้า IT อีกเพียบ
จากประเด็นดังกล่าวไต้หวันจึงกลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญแห่งอุตสาหกรรม IT อย่างมิอาจปฏิเสธได้ โดยยากมากที่ประเทศอื่น ๆ จะขึ้นมาทัดเทียมกับไต้หวันในช่วงเวลานี้ เพราะไต้หวันเปี่ยมล้นไปด้วยบุคลากรยอดฝีมือ พวกเขาไม่เคยหยุดพัฒนาตัวเองเลยสักวันเดียว จึงสามารถยืนหยัดในอุตสาหกรรมได้เหนียวแน่นมั่นคงที่สุด ดังนั้นประเทศใดที่ขาดความพร้อม คงไม่สามารถขึ้นมาแข่งขันได้ ยิ่งประเทศที่ขาดความพร้อมทั้งในแง่บุคลากร เงินทุน หรือการสนับสนุนจากรัฐบาลนั้น เป็นเรื่องที่ต้องบอกกันตรง ๆ เลยว่าไกลเกินเอื้อม
ไต้หวัน-จีน ยิงกันเมื่อไหร่ ! อุตสาหกรรม IT เตรียมระเบิดเป็นโกโก้ครั้นช์
หากมีเหตุการณ์สงครามระหว่างจีน-ไต้หวัน จะเกิดความเสียหายต่อแวดวงอุตสาหกรรม IT ในระดับที่รุนแรง เนื่องจากอย่างที่ทราบกันว่า ไต้หวันเป็นแหล่งผลิตชิปรายใหญ่ของโลก ฉะนั้นเมื่อเกิดการเปิดฉากสงครามต่อกัน ก็จะทำให้กระบวนการผลิตชิปต้องหยุดชะงักไปด้วย บริษัทผลิตชิปที่ล้ำหน้าที่สุดของโลก อย่าง “TSMC” คงจะไม่สามารถดำเนินการผลิตชิปกันต่อไปท่ามกลางสงคราม โดยทางสหรัฐอเมริกา รวมถึงชาติพันธมิตร ก็น่าจะมีส่วนร่วมในสงครามด้วย เพื่อช่วยปกป้องไต้หวันจากการรุกรานของจีน ซึ่งจะยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด อุตสาหกรรม IT เตรียมระเบิดตู้ม! กลายเป็นโกโก้ครั้นช์กันเลยทีเดียว
ในยุคปัจจุบันราคาของการ์ดจอ รวมถึงสินค้า IT ชนิดต่าง ๆ จัดว่าค่อนข้างแพงมาแต่เดิมอยู่แล้ว เพราะช่วงที่ผ่านมาเราคงจะเห็นข่าวชิปขาดแคลนอยู่บ่อย ๆ การที่ชิปขาดแคลนจึงส่งผลให้ราคาปรับขึ้นบ้างเป็นเรื่องปกติ แต่หากลองคิดเล่น ๆ ถ้าเกิดสงครามระหว่างจีน-ไต้หวัน อุตสาหกรรมชิปจะต้องพบเจอกับวิกฤติรุนแรงขนาดไหน
โดยเมื่อช่วงต้นเดือนสิงหาคม ทางด้าน “TSMC” ถึงขั้นต้องออกโรงเตือนจีนด้วยตัวเอง พร้อมระบุ “สงครามจะไม่มีผู้ชนะ อีกทั้งอุตสาหกรรมชิปอาจต้องหยุดชะงักด้วย” จึงน่าจะเป็นฝันร้ายแห่งวงการ IT เลยด้วยซ้ำไป และที่แน่ ๆ คือเราต้องจ่ายเงินซื้อสินค้าในจำนวนที่เยอะขึ้นกว่าเดิม แต่ราคาจะพุ่งไปสูงเพียงใดนั้น ยังเป็นเรื่องที่คาดการณ์ยาก ถึงอย่างไรก็ตามสงครามคงไม่ใช่ทางออกที่ดี ผลกระทบในแวดวง IT จะเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยไปเลย เมื่อเทียบกับความสูญเสียที่จะเกิดกับชีวิตของประชาชน ทุกฝ่ายจึงควรเดินหน้าเจรจาเพื่อหาทางออกที่สันติให้เร็วที่สุด