ยังคงมีประเด็นนี้อยู่ไม่ขาด กับเหตุความรุนแรง ที่สังคมส่วนใหญ่ยกให้วิดีโอเกมเป็นต้นเหตุ รวมถึงเหตุกราดยิงล่าสุด ที่ El Paso, Texas และ Dayton, Ohio ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็มีประเด็นถกเถียงนี้กันขึ้นมาเหมือนบ้านเรา
จนนำไปสู่การสัมภาษณ์ Strauss Zelnick หัวเรือใหญ่ของค่าย Take-Two ผู้อยู่เบื้องหลังเกมดังอย่าง Grand Theft Auto V, Red Dead Redemption 2, NBA 2K และเกมใหม่ล่าสุดที่กำลังจะวางขาย Borderlands 3
ซึ่งเค้าได้พูดโต้ตอบประเด็นนี้กลับว่า “เป็นการไม่ให้เกียรติเหยื่อและครอบครัว ที่จะมาชี้นิ้วโทษไปที่สื่อความบันเทิง ว่าเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมด เพราะความบันเทิงเป็นเรื่องดีในชีวิตประจำวัน และก็เป็นส่วนหนึ่งของคนทั่วโลก”
และยังได้ยกประเด็นที่น่าสังเกตขึ้นมาให้เห็น “เรื่องความรุนแรงจากเหตุกราดยิง ถือเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยเฉพาะในอเมริกา และจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ แต่ความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้ ก็ต้องมีการหาสาเหตุที่ถูกต้องจริงๆ”
แต่อย่างไรก็ตาม เคาไม่ได้บอกต่อ ถึงว่า อะไรคือสาเหตุจริงๆ ที่พูดถึง ส่วนทางด้านผู้สัมภาษณ์ ก็ถามอีกคำถามว่า แล้วถ้าหากว่าสาเหตุจริงๆ คือเกมที่เค้าเป็นคนสร้างขึ้นมา จะหยุดทำเกมหรือเปล่า คำตอบจาก Strauss Zelnick คือ หยุด!
“ผมไม่ต้องการสร้างอะไรก็ตาม ที่ปล่อยออกไปสู่ตลาดแล้ว ทำให้คนป่วย”
When the ill-informed are being critical of the gaming industry and community, this is a very powerful story. The facts are that countries with high per capita gaming revenue have fewer gun-shooting deaths. Except the US, where 4% of the population own 43% of the guns. https://t.co/bKi5D9Y9wc
— Reggie Fils-Aime (@Reggie) August 6, 2019
ยังมี Reggie Fils-Aime อดีตตัวเรือใหญ่ของ Nintendo อเมริกา ก็ทวิตข้อความ โชว์ Content ที่อ้างอิงประเทศแคนาดา ที่มีรายได้จากอุตสาหกรรมเกมสูง แต่กลับมีเหตุการกราดยิงที่น้อย แตกต่างจากอเมริกา ที่จำนวน 4 เปอร์เซ็นต์ของประชากร ต่างมีปืนในครอบครองกว่า 43 เปอร์เซ็นต์
ที่มา: VentureBeat