วันพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันแรกของงาน Thailand Mobile EXPO 2022 มหกรรมโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ที่รอบนี้นับเป็นครั้งแรกของงานกับสถานที่ดั้งเดิม แต่ปรับปรุงยกเครื่องใหม่หมดจด ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ใครที่ยังไม่เคยได้ลองไปเหยียบโฉมใหม่ต้องห้ามพลาด จัดตั้งแต่วันพรุ่งนี้ พฤหัสบดี ที่ 6 – วันอาทิตย์ ที่ 9 ตุลาคม 2022
และงานมือถือทั้งที ใต้โต๊ะเลยรวบรวมมือถือรุ่นใหม่ ๆ ที่นับได้ว่าเป็นไฮไลต์ของงานในรอบนี้มาให้ดูกัน ว่ามีรุ่นไหนที่น่าสนใจบ้าง หรือถ้าหากว่าใครที่ยังไม่รุ่นในใจ แต่อยากไปเดินงาน ควรที่จะดูรุ่นใหม่ตัวไหนดี เรารวมมาเป็นไกด์นำทางให้แล้ว ตามมาเลย
iPhone 14 Pro Max เครื่องพร้อมขายในงานทุกรุ่น!
อันนี้ไม่พูดไม่ได้จริง ๆ เพราะเป็นกระแสที่มาพักนึงแล้วแต่ก็ยังไม่ได้แผ่ว ใคร ๆ ก็ต่างตามหากันทั่วทุกสารทิศ เรียกว่าทุกแห่งทุกร้านที่มี iPhone ในประเทศไทย ตามไปหาซื้อกันให้ควั่ก
ด้วยความเป็นมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดของแบรนด์ยอดฮิตติดลมบนระดับโลกอย่าง Apple และครองส่วนบ่งตลาดมือถือที่ใหญ่ยักษ์มาก ๆ แถมรุ่นใหม่นี้ตัวนี้ยังพร้อมกับหน้าจอแบบใหม่ที่เอามาใช้เป็นครั้งแรก เป็นหน้าจอแบบเจาะรูกล้องหน้า แต่มาพร้อมลูกเล่น Dynamic Island ที่สามารถขยายรูดำ ๆ บนหน้าจอให้กลายเป็นหน้าต่างแจ้งเตือนต่าง ๆ ได้สนุกสนานสวยงามทีเดียว
พร้อมกับจุดเด่นอีกอย่างคือสีตัวเครื่องใหม่ล่าสุด Deep Purple หรือม่วงเข้ม ซึ่ง Apple ยังไม่เคยทำในผลิตภัณฑ์ตัวไหน ๆ มาก่อนเลย จริง ๆ เคยทำสีม่วงมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ม่วงในเฉดสีนี้ ที่ให้ความแฟชันแต่ก็ยังดูสุขุมอยู่ ไม่โดดเด่นดึงดูดสายตามากจนเกินไปนัก ถูกใจใครหลายคนมากทีเดียว และในงานนี้ก็ยังมีของมาพร้อมขายทุกรุ่นด้วยนะ ใครยังหาเครื่องไม่ได้ ต้องไปเดินที่งานแล้วแหละ
ราคาค่าตัวถ้าหากว่าซื้อกันแบบติดสัญญาของเครือข่าย ราคาจะเริ่นต้นแบบถูกสุดที่ 25,400 บาท แต่ถ้าหากว่าเป็นราคาเครื่องเปล่า ๆ นั้น จะเริ่มที่ 44,900 บาท
Redmi Pad
อันนี้ไม่ใช่มือถือ แต่เป็นแท็บเล็ต อุปกรณ์ในกลุ่มเดียวกันและเป็นของใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวมาจากต่างประเทศแบบสด ๆ ร้อน ๆ กันเลย เปิดปุ๊ปขายปั๊ป เรื่องสเปกนี่หายห่วง ไว้ใจแบรนด์นี้ได้เลยว่าอัดแน่นมาแบบล้น ๆ โคตรคุ้มค่าเงินที่จ่ายไปอย่างแน่นอน
เป็นขนาดหน้าจอ 10.61 นิ้ว แสดงภาได้ลื่นไหลด้วยค่า Refresh Rate ที่ 90Hz ให้ชิปประมวลผลมาเป็น Media Tek Helio G99 มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาดา 8,000 mAh รองรับการชาร์จเร็วที่กำลังไฟสูงสุด 18W แต่ในกล่องนั้นให้ที่ชาร์จมาเป็นแบบ 22.5W เผื่อ ๆ ไปเลย
ดีไซน์ตัวเครื่องนี่ก็เรียกได้ว่าหรูหราสวยงามดูแพงเอาเรื่องทีเดียวเชียว มาพร้อมสีสันให้เลือกถึง 3 สี คือ Graphite Gray, Moonlight Silver และ Mint Green แล้วก็มีระบบความบันเทิงด้านเสียงจาก Dolby Atmos มาให้ด้วยนะ
ความจุตัวเครื่องให้มาที่ 128GB แต่แรมจะมี 2 สเปกให้เลือก พร้อมราคาที่แตกต่างกันตามสเปกแรม คือแรม 4GB ที่ราคา 7,499 บาท และแรม 6GB ที่ 8,499 บาท
OnePlus 10T 5G
สำหรับสายเน้นสเปกความแรงในราคาที่คุ้มค่าที่สุดก็ต้องยกให้กับแบรนด์นี้ ด้วยรุ่นนี้นับได้ว่าเป็นราคาที่ถูกที่สุดในไทย จากสเปกที่ให้มา คือชิป Snapdragon 8+ Gen 1 มีกล้องหลังถึง 3 ตัว ความละเอียดสูงถึง 50 ล้านพิกเซล หน้าจอก็ไหลลื่นถึง 120Hz ยังมีระบบชาร์จเร็วที่สูงมากถึง 150W อีก
เห็นสเปกแล้วก็ต้องบอกว่าให้มาสุดจริง ๆ ใครที่หามือถือสุดทางจะไม่มองตัวนี้ถือว่าพลาดมาก ๆ เลยแหละ ราคาถ้าหากว่าซื้อติดสัญญากับเครือข่ายก็จะลงไปอยู่ที่ 16,490 สำหรับรุ่นแรม 8GB ความจุ 128GB แต่ถ้านั่นยังไม่พอก็ยังมีสเปกแรม 16GB และความจุ 256GB ให้เลือกด้วย ราคาที่ 19,490 บาท แต่ถ้าจะไม่ติดสัญญา ราคาเครื่องเปล่าเต็ม ๆ จะอยู่ที่ 24,990 บาท และ 27,990 บาท
Honor 70
จะเรียกว่าแบรนด์เก่าที่กลับมาสู่ตลาดเมืองไทยอีกรอบก็ว่าได้ เพราะแบรนด์นี้เคยเป็นแบรนด์ลูกในเครือของ Huawei ก่อนที่จะถูกขายออกไป แล้วก็หายไปจากตลาดเมืองไทย จนตอนนี้กลับมาอีกครั้งแล้วเปิดตัวท็อปสุดที่เอาเข้ามาด้วยรุ่นนี้ เรื่องดีไซน์และงานประกอบนั้นยังได้ชั้นเชิงจาก Hauwei มาอยู่ ซึ่งนับเป็นข้อดีเลยทีเดียว เพราะอย่างที่รู้กันว่าเป็นงานถนัดอันขึ้นชื่อลือชาของแบรนด์เค้าเลยแหละ
รุ่นนี้นับเป็นมือถือในกลุ่มระดับราคาปานกลาง ราคาค่าตัวที่ 16,990 บาท อันสเปกมาแบบเต็มสูบ โดดเด่นที่สุดก็คือเรื่องกล้อง 3 ตัว ที่ถ่ายออกมาได้สวยมาก ๆ ใช้เซ็นเซอร์รุ่นท็อปสุดของ Sony IMX800 ความละเอียด 54 ล้านพิกเซลที่ตัวกล้องหลัก รูรับแสงกว้าง f/1.9 ยังมีกล้องมุมกว้างพิเศษ Ultra Wide ความละเอียด 50 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 และยังสามารถใช้เป็นกล้องมาโครสำหรับถ่ายภาพระยะใกล้ได้ด้วยในตัว ส่วนกล้องตัวสุดท้ายเป็นกล้องวัดระยะชัดลึก Depth Sensor ความละเอียด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
ชิปเซ็ตที่ให้มาเป็น Snapdragon 778G+ หน้าจอ OLED FullView Super Curved ขนาด 6.67 นิ้ว ความละเอียด FHD+ สีสันสดสวย 1.07 พันล้านสี พร้อมความลื่นไหลระดับ 120Hz พร้อมรองรับการสแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอ
Nothing Phone (1)
เป็นอีกรุ่นที่เปิดตัวมาพักใหญ่ ๆ แล้ว แต่ก็เรียกกระแสได้แบบที่ไม่เคยมีมาพักใหญ่ ๆ แล้วสำหรับมือถือแบรนด์ใหม่ ๆ ที่จะได้รับความสนใจมากมายขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่เป็นรุ่นแรกที่เปิดตัวออกมาขาย แต่ก็ต้องบอกว่าได้บารมีบางส่วนมาจากผู้ก่อตั้งด้วย คือ Carl Pei อดีตผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ OnePlus มาก่อน
รุ่นนี้จะไม่ได้เน้นที่สเปกความคุ้มค่าอะไรนัก แต่จะเน้นไปที่เรื่องของดีไซน์ซะมากกว่า ถือว่าเป็นแบรนด์มือถือในทางสายแฟชั่น ตัวเครื่องจะมีจุดเด่นที่ระบบไฟ LED ด้านหลัง ที่สามารถกระพริบเป็นเอ็ฟเฟ็กต์ได้แปลกตามาก ๆ แบบที่ไม่เคยเห็นในมือถือเครื่องไหนมาก่อนเลย และยังสามารถเอาใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง รวมถึงการใช้เป็นไฟแฟลชสำหรับถ่ายภาพด้วย
หน้าจอตัวเครื่องเป็นขนาด 6.55 นิ้ว ชนิด OLED ความละเอีบด 2400×1080 พิกเซล ชิปเซ็ต Snapdragon 778G+ แรมและความจุมีให้เลือกทั้งหมด 3 สเปก คือ แรม 8GB ความจุ 128GB ที่ราครา 17,900 บาท ต่อด้วยแรม 8GB ความจุ 256GB ราคา 18,900 บาท และแรม 12GB ความจุ 256GB ราคา 20,900 บาท
อย่าลืมไปลองเดินงานกันเยอะ ๆ นะ โดยเฉพาะกับสถานที่ใหม่ นย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ที่สร้างใหม่ปรับหน้าตาทันสมัยขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ เห็นรูปถ่ายตัวอย่างมาแล้วคือสวยสุด ๆ นอกจากไปเดินงานน่าจะได้มุมถ่ายรูปสวย ๆ ใหม่กันเพียบอีกด้วยแน่นอน