Lenovo Legion Y545 ถือเป็น Gaming notebook อีกตัวของทาง Lenovo เค้าเลย รูปร่างหน้าตาหล่อเหลา โดยสเปกที่ให้มามีให้เลือกหลายระดับ โดยเริ่มตั้งแต่ CPU Intel มีทั้ง Core I7-9750H และ Core I5-9300H ส่วนการ์ดจอสามารถเลือกสเปกได้เช่นกัน ซึ่งการ์ดจอเป็นของ NVIDIA GeForce เริ่มตั้งแต่ GTX 1650, GTX 1660 Ti ไปจนถึง RTX2060 กันเลยทีเดียว โดยแรมที่ให้มาเป็น 16 GB DDR4 2666 ความจุ SSD 512 GB NVME หน้าจอ IPS Full HD 144 Hz ขนาด 15.6 นิ้ว พร้อมWindow 10 แท้ รับประกัน 3 ปี แบบ On site service ในราคา 39,990 บาท คุ้มแค่ไหนไปดูกัน
Levolo Legion Y545 81Q6001ATA
CPU: Intel i7-9750H
Graphic : NVIDIA RTX 2060
RAM : 16 GB DDR4 2666
Memory : SSD 512GB M.2 2280 NVME
Display: 15.6 inch FHD IPS 144 Hz
OS Windows 10 Home
Warrantee : 3 Years on site service
Design
รูปร่างหน้าตาบอกเลยว่าหล่อเหลา ดุดัน เรียกได้ว่าใครเห็นก็ดูออกว่าเป็น Gaming Notebook โดยตัวเครื่องทำเป็นโทนสี Irongrey ให้ความรู้สึก หล่อ เท่ห์ ดุดัน โดยวัสดุฝาพับทำจากโลหะอะลูมิเนียมขึ้นรูปตัดเหลี่ยม หักมุมเล็กน้อยเพิ่มความเท่ห์อย่างมีสไตล์ และตรงกลางฝาพับมีรูปโลโก้ตัว Y อยู่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ Legion เมื่อเปิดเครื่องจะมีไฟออกมาที่โลโก้อีกด้วย
โดยตัวเครื่องสามารถเปิดออกมาได้ด้วยมือข้างเดียว ซึ่งตัว Legion Y545 ได้ออกแบบแกนฝาพับให้มีขนาดใหญ่และอยู่ตรงกลางเมื่อเปิดขึ้นมาจะให้ความรู้สึกเหมือนหน้าจอลอยได้ยังไงอย่างนั้น ส่วนหน้าจอกางได้สูงสุดแค่ 150 องศาเท่านั้น แตกต่างจาก Y540 ที่สามารถกางฝาพับได้ถึง 180 องศาเลยทีเดียว
ถัดมาที่ตัวหน้าจอ เค้าให้หน้าจอ IPS ขนาด 15.6 นิ้ว Full HD 144 Hz ซึ่งบอกเลยว่าเหมาะแก่การเล่นเกมเป็นอย่างยิ่ง โดยขอบเขตสีหน้าจอให้ sRGB มาถึง 100% เลยทีเดียว สำหรับใครที่จะนำไปใช้งานด้านตกแต่งภาพ Graphic design เป็นตัวนี้แนะนำเลยครับ และหน้าจอที่ให้มาเป็นหน้าจอของบางแบบ Narrow boarder โดยมีตัวกล้องเว็บแคมและไมโครโฟนอยู่บริเวรด้านล่างของหน้าจอ ใครที่เปิดใช้งานกล้องแล้วละก็อาจจะได้ภาพเป็นมุมเสยเอาสะหน่อยแต่ก็ถือว่าการจัดวางตำแหน่งได้อย่างสวยงาม
ในส่วนของ Panel Keyboard ให้มาแบบ Full Key 104 ปุ่ม เหมือนตัว Y540 รูปร่างปุ่มใหญ่สะใจไม่มีการลดขนาดของตัวปุ่ม ทำให้สามารถพิมพ์ได้อย่างถนัดมือ และในส่วนของ Narrow key ถูกแยกส่วนออกมา ทำให้เวลาใช้งานหรือเล่นเกมสามารถทำได้ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้น เรียกได้ว่าออกแบบมาเพื่อคอเกมเมอร์โดยเฉพาะ ไม่เพียงเท่านี้ Keyboard ยังสามารถปรับแสงไฟ Back lit ได้ถึง 3 ระดับอีกด้วย โดยการกดปุ่ม Fn+ Spacebar
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งของการวาง layout ของปุ่ม Numpad จะเห็นได้ว่ามีมีการจัดวางปุ่ม Numlock มาอยู่ด้านล่างและตัดปุ่ม Enter ออก ซึ่งในส่วนนี้อาจจะต้องปรับการใช้งานใหม่สักหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาครับ
ในส่วนของปุ่มเปิด/ปิดเครื่องจะอยู่แยกส่วนจากปุ่ม Key board อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำเป็นรูปทรงสามเหลี่ยม ตัดด้วยโลโก้ตัว Y ตรงกลาง สวยงามสมกับเป็น Notebook ตระกูล Legion จริงๆ
ถัดมาที่ Touch pad จะอยู่เยื้องไปทางซ้ายเล็กน้อย เป็นแบบซ่อนปุ่มและเคลือบผิวมาอย่างดี ทำให้การใช้งานได้แบบลื่นไหลไม่สะดุดมือ อีกทั้งพื้นผิวตัวเครื่องมาในโทนสีดำเคลือบยางมาอย่างดี เรียกได้ว่าสวยงาม ดุดันมากครับ แต่ก็จะอมรอยนิ้วมือหน่อยๆ หากใครเป็นคนมือเปียกเหงื่อง่าย แนะนำว่าควรใช้น้ำยาทำความสะอาดในการเช็คครับ
โดยฝั่งซ้ายของตัวเครื่องมีสติกเกอร์ intel core i7 และ NVIDIA GEFORCE RTX อีกทั้งมี QC cord eSupport ใช้เมื่อเวลาเครื่องมีปัญหาก็สามารถใช้สแกนแจ้งปัญหา support ได้เลย ส่วนลำโพงใช้ของ HARMAN
ถัดมาที่ Port การเชื่อมต่อ ส่วนใหญ่จะอยู่ด้านหลังตัวเครื่อง โดย Port ที่ให้มามีดังต่อไปนี้
-
1 Port USB Type C
-
3 Port USB type A 3.1 (Gen 1)
-
1 Portช่องหูฟัง / ไมโครโฟนคอมโบ
-
1 Port Mini DisplaPort™ 1.4
-
1 Port HDMI™ 2.0
-
1 Port ช่องต่อแลน RJ45
-
1 Port ช่องล็อก Kensington
บริเวณขอบด้านหลังของตัวเครื่องนอกจากจะมี Port การเชื่อมต่อที่ให้มาเยอะแล้ว ยังมีช่องระบายความร้อนขนาดใหญ่วางอยู่ขนาบ 2 ฝั่งของตัวเครื่องอีกด้วย ทำให้การระบายความร้อนดียิ่งขึ้น
ถัดมาที่ด้านใต้ของตัวเครื่องออกแบบมามาให้ดูโฉบเฉี่ยว เล่นแนวเส้นสามเหลี่ยมโลโก้ตัว Y สวยงามตามสไตล์ Gaming ซึ่งบอกเลยกว่าการออกแบบไม่ใช่แค่สวยอย่างเดียว ทาง Y545 เค้าจัดให้มีช่องดูดลมเข้าขนาดใหญ่ สามารถช่วยระบายความร้อนในตัวเครื่องได้เป็นอย่างดี อีกทั้งด้านในยังมีแผงกรองฝุ่นให้มา ถือว่าเป็นตัวช่วยลดฝุ่นเข้าไปภายในตัวเครื่องอีกด้วย
โดยขอบของตัวเครื่องถูกออกแบบมาให้ยกขึ้นจากพื้นเล็กน้อย โดยช่องลำโพงจะอยู่บริเวรขอบซ้ายและขวาของตัวเครื่อง ระบบเสียงเป็นแบบ Dolby Atmos จาก Harman บอกเลยว่าได้รายละเอียดเสียชัดและดังกระหมึ่มแน่นอน
ตัวเครื่องภายในถูกออกแบบมาให้มีช่องระบายความร้อน 2 ช่อง ถึงแม้ว่ารุ่น Y545 นี้จะมีช่องระบายความร้อนที่น้อยกว่ารุ่น Y540 แต่ภายในตัวเครื่องถูกอออกแบบให้มีคีบ Fin ที่ใหญ่ว่า ดังนั้นมันจึงเป็นทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนไม่ได้ด้อยไปว่าตัว Y540 เลย มาดูชุดระบายความร้อนภายในกันบ้าง ให้พัดลมระบายความร้อนให้มาถึง 2 ตัว ใบพัด 70 ใบ/ตัว Heat pipe 3 เส้น พร้อม Fin ระบายความร้อน
การอัพเกรด
-
Ram ถูกออกแบบมาให้มี Cover ปิดไว้ป้องกันการการกระแทกและการรบกวนจากคลื่นต่างๆ ซึ่งมีช่องให้ทั้งหมด 2 slot จากเดิมให้มา 8 GB 2 แถว สามารถอัพเกรดได้สูงสุด 32 GB
-
SSD ให้มาที่ 512GB M.2 2280 NVME ซึ่งมีช่องสำหรับอัพเกรด Harddisk หรือ SSD 2.5 นิ้วได้อีก 1 ช่อง
มาถึง Software Lenovo Vantage ที่มาพร้อมกับตัวเครื่อง ซึ่งมันจะช่วยอัพเดตการทำงานของตัวเครื่องไม่ว่าจะเป็น Bios, Firmware, Software ต่างๆ รวมไปถึงสามารถปรับแต่งโหมดการทำงานต่างๆของตัวเครื่อง ช่วยรีดประสิทธิภาพของตัวเครื่องออกมาได้ดีมากยิ่งขึ้น
โดยรวมแล้วน้ำหนักตัวเครื่องอยู่ที่ 2.3 kg ความหนาอยู่ที่ 26.6 mm ตัว Adaptor กำลังไฟ 230W ขนาดค่อนข้างใหญ่และมีน้ำหนักถึง 750 กรัม ซึ่งเมื่อรวมกับตัวเครื่องแล้ว น้ำหนักโดยรวมอยู่ราวๆ 3 kg เลยทีเดียว แบตเตอร์รี่อยู่ได้ประมาณ 3-4 ชั่วโมง
Performance
ซึ่งวันนี้ที่เราได้มารีวิวนั้น สเปกเครื่องจะประกอบด้วย CPU Intel Core i7-9750H แบบ 6 core 12 threads ที่มี Base clock 2.6 Boost clock 4.5 เรียกได้ว่าการประมวลผลได้รวดเร็วทันใจแน่นอน
สำหรับการทดสอบ CPU จาก CINEBENCH R20 ทำคะแนนได้สูงถึงที่ 2,655 PTS อุณหภูมิ CPU ความร้อนสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 96 องศาเซลเซียส ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 3.4 GHz เรื่องความเร็วของ CPU I7 เรียกได้ว่าหายห่วงครับ สำหรับใครที่จะนำไปทำงานทางด้าน Photoshop, Ilustator, ตัดต่อแต่งภาพ ตัดต่อวีดีโอแนะนำตัวนี้เลยสเปกที่ให้มาเหลือๆเลยครับ เท่านั้นยังไม่พอนอกจากตัวเครื่องจะทำงานได้เร็วแล้ว ขอบเขตสีสันของหน้าจอให้ sRGB มาถึง 100% เลยดีเดียว ทำให้ภาพที่ได้มีสีสันสวยงามสมจริงมากยิ่งขึ้น หรือใครจะนำไปทำงานด้าน 3D, Autocad, sketchup งานทางด้านงานวิศวกรรม หรือสถาปัต ก็สามารถทำงานได้ดีอีกเช่นกัน ถือว่าเป็น Notebook ที่แนะนำอีกตัว
ถัดมาที่ตัวการ์ดจอให้ Geforce RTX2060 RAM การ์จออยู่ที่ 6GB GDDR6 Shaders อยู่ที่ 1920 หน่วย ซึ่งถือเป็นตัวช่วยในการตัดต่อวีดีโอได้ค่อนข้างดีเลยดีเดียว
สำหรับการทดสอบ 3D Mark Fire Strike สามารถทำคะแนนได้สูงถึง 13,886 คะแนน และมี Graphic Score อยู่ที่ 15,551 คะแนน ในส่วนของอุณหภูมิสูงสุดของการ์ดจอสูงสุดที่ 70 องศาเซลเซียสเท่านั้น ถือว่าระบายความร้อนได้ดีครับ
การเล่นเกม PUBG ทดสอบโดยการปรับกราฟฟิคไปที่ความละเอียดระดับ Ultra Full HD สามารถเล่นได้ที่เฟรมเรต 90-110 FPS ถือได้ว่าเล่นได้อย่างลื่นไหล แต่ถ้าอยากสัมผัสกับประสิทธิภาพหน้าจอ 144 Hz ละก็ แนะนำให้ปรับกราฟฟิคไปที่ความละเอียด Low-Medium หากใครที่ต้องการนำไปสตรีมบอกได้เลยว่าทำได้อย่างสบายๆ เนื่องจากกิน CPU ไปแค่ 40% เท่านั้น ส่วน RAM ใช้งานไปแค่ 9 GB จาก 16 GB
การเล่นเกม BattleField 5 ที่ขึ้นชื่อว่ากินสเปกโหด ทดสอบโดยการปรับกราฟฟิกไปที่ความละเอียดระดับ Full HD ระดับ high เปิด DirectX12 เปิด DXR สามารถเล่นได้อย่างสบาย เฟรมเรตวิ่งที่ประมาณ 50-60 FPS กิน CPU ไป 70% อุณหภูมิการ์ดจออยู่ที่ 78 องศาเซลเซียส กินแรมไปเกือบ 10 GB เลยทีเดียว แม้จะกินสเปกไปมาก แต่ก็ยังเหลือๆครับ และขอบอกเหล่าเกมเมอร์ทั้งหลายว่า เกมนี้เล่นได้เกมอื่นใดบนโลกในนี้ก็ย่อมเล่นได้หายห่วงครับ
การทดสอบ SSD ที่มากับตัวเครื่องเป็น SSD WDC PC SN720 ความจุ 512 GB ความเร็ว Read 1455 MB/s ความเร็ว Write 1193 MB/s
โดยรวมแล้วถือได้ว่า Lenovo Legion Y545 เป็น Notebook Gaming ขนานแท้ ไม่ว่าจะใช้ทำงานหรือเล่นเกมสามารถทำได้อย่างครบครัน สามารถรองรับการใช้งานต่างๆในอนาคตได้ รวมไปถึงการอัพเดต Bios Firmware ต่างๆ สามารถทำได้อย่างง่าย และถือได้ว่าเป็น Notebook ที่เสถียรเครื่องนึ่งเลย ใครที่ไม่อยากเจอปัญหาจุกจิกเกี่ยวกับ Software แนะนำ Lenovo Legion Y545 เลย ถือว่าเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า น่าใช้งานเป็นอย่างมากครับ
ข้อดี
-
ใช้ทำงานหรือสตรีมเกมได้อย่างสบายๆ
-
สเปกคุ้มราคา
-
สามารถอัพเกรดเพิ่มเติมได้
-
หน้าจอ IPS Full HD 144 Hz ที่ให้ sRGB 100%
-
มีให้เลือกได้หลายสเปก
ข้อสังเกต
-
น้ำหนักค่อนข้างมาก
-
รูปทรงออกเป็น Gamer
-
แบตเตอร์รี่อยู่ได้เพียง 3-4 ชั่วโมง
ดูรีวิวได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=rXSZtr6Dnpg&t=1s