หลังจากที่ Intel ได้กินรวบทั้งหัวและหางอยู่หลายปีในตลาด PC Desktop CPU จนกระทั้งมีการมาถึงของ RYZEN 1000 Series ทำให้ตลาด CPU คึกคักขึ้นมาอีกครั้ง และเกิดการแข่งขันที่ร้อนระอุขึ้นระหว่างผู้ผลิตไมโครโปรเซสเซอร์ 2 ค่ายใหญ่ Intel และ AMD แต่นั่นเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของ CPU RYZEN ที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในปลายปี 2018 หลังจากที่ได้พัฒนา CPU จากเดิม 14 nm ใน RYZEN 1000 Series มาเป็นขนาด 12 nm ใน RYZEN 2000 Series
และเมื่อมีข่าวการมาถึงของ RYZEN 3000 Series รุ่นใหม่ล่าสุด ด้วยสถาปัตยกรรม Zen 2 ในกระบวนการผลิต 7 nm ทำให้ AMD เป็นเจ้าแรงที่สามารถทำ PC Desktop CPU ที่มีขนาดเล็กกว่า 10 nm ได้ ในขณะที่ Intel ยังคงวนเวียนอยู่กับ CPU ขนาด 10 nm และนี่จะเป็นครั้งแรกที่ AMD นำ Intel ในเรื่องขนาดของสถาปัตยกรรมการผลิต CPU และแน่นอนว่าผู้อ่านหลาย ๆ คนก็ต้องการที่จะทราบถึงรายละเอียดที่แท้จริงของ CPU RYZEN 3000 Series ว่าเป็นอย่างไรคุ้มค่าไหมที่จะรอ
Socket AM4
AMD ได้ให้สัญญาว่า จะสามารถใช้ Socket AM4 ได้จนถึงปี 2020 นั่นหมายความว่า CPU RYZEN ทุกรุ่น จะสามารถใช้งานร่วมกับเมนบอร์ด Socket AM4 ได้ทุกชิปเซ็ต จนถึงปี 2020 โดยผู้ใช้งานสามารถที่จะอักเกรดเปลี่ยน CPU ให้แรงขึ้นได้ทุกปีโดยใช้เมนบอร์ดตัวเดิม และแน่นอนว่าเมนบอร์ด Socket AM4 ชิปเซ็ต A320M ที่มีราคาถูกที่สุดก็ยังสามารถที่จะใช้งาน CPU RYZEN 3000 Series ได้อย่างแน่นอน ซึ่งตรงกันข้ามกับ Intel ที่จะเปลี่ยน Socket บ่อย ๆ ทำให้ผู้ใช้งานต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด และต้องมีชิปเซ็ตที่รองรับการใช้งานร่วมกับ CPU รุ่นนั้น
Ryzen 3000 Series กำลังจะเปิดตัวในปีหน้า และยังคงใช้งานร่วมกับ Socket AM4 นั่นหมายความว่าการรองรับแรมจะยังคงเป็นแบบ Dual-Channel เพราะ Pin ของ CPU แต่ละขายังคงมีหน้าที่ในการส่งข้อมูลแบบตายตัว ถึงแม้จะเปิดตัวเมนบอร์ดชิปเซ็ตใหม่ออกมา RYZRN ก็ยังคงซัพพอร์ตแรมแบบ Dual-Channel เหมือนเดิม แต่อาจะรองรับ BUS RAM ได้สูงขึ้น ส่วนใครที่คาดหวังกับแรม DDR5 บนเมนเบอร์ด AM4 ในปี 2019 ขอตอบเลยว่ายังคงเป็นไปได้ยาก
นอกจากนี้ AMD ยังเป็นผู้นำในด้านการนำ PCIe 4.0 มาใช้งานร่วมกับ CPU EPYC Rome 7nm ดังนั้นไม่น่าแปลกใจถ้าหาก AMD จะนำ PCIe 4.0 มาใช้งานร่วมกับ RYZEN 3000 Series แต่แน่นอนว่าต้องมีเมนบอร์ด AM4 ที่รองรับ PCIe 4.0 ด้วย ถ้าหาก RYZEN 3000 Series สามารถรองรับ PCIe 4.0 ได้แต่ใช้งานร่วมกับเมนบอร์ดรุ่นเก่าที่เปิดตัวออกมาก่อนหน้านี้ก็จะรองรับได้เพียง PCIe 3.0 เท่านั้น
7 Nanometer
AMD ยังไม่ได้มีการเปิดเผยข้อมูลของเทคโนโลยีการผลิต 7 nm ที่ถูกนำมาใช้กับ RYZEN 3000 อย่างเป็นทางการ แต่ AMD ได้อ้างถึงกรณีของ EPYC ที่สามารถเพิ่มทรานซิสเตอร์ได้ถึง 2 เท่า และลดการใช้พลังงานลงได้อีกครึ่งหนึ่งถ้าเทียบกับ CPU ในระดับเดียวกัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้อีก 1.25 เท่า และถือเป็นข้อดีสำหรับผู้ใช้งานที่จะได้ใช้ CPU ที่มีความแรงสูงขึ้นแต่มีราคาที่ถูกลง ส่วน Mark Papermaster ตำแหน่ง CTO ของ AMD ได้ออกมาพูดถึงเทคโนโลยี 7nm ว่าเค้าคาดหวังให้มันสามารถรีดประสิทธิภาพของ CPU เพิ่มขึ้นได้ถึง 25%
แต่ประเด็นสำคัญของ RYZEN 3000 คือการลดขนาดเทคโนโลยีให้เหลือ 7 nm ซึ่งต้องใช้ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้ Global Foundries ต้องรีไทล์ตัวเองออกจากเป็นผู้ผลิตชิป 7 nm ให้กับ AMD แต่ AMD ก็ได้มีการจับมือกับทาง TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปให้กับผู้ผลิตรายใหญ่อย่าง Apple, Qualcomm และ Nvidia เพื่อผลิตชิปขนาด 7 nm แต่ล่าสุดก็ได้มีรายงานถึง ต้นทุนการผลิตเทคโนโลยี 7 nm มีราคาแพง ทำให้ราคา RYZEN 3000 ไม่มีทางที่จะลดราคาลงมาอย่างแน่นอน
จากข่าวหลุด
YouTuber ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับ RYZEN 3000 โดยได้ข้อมูลที่หลุดออกมาจาก Apple เกี่ยวกับรายชื่อของ CPU RYZEN 3000 ที่จะถูกเปิดตัวในไตรมาสที่ 1 ในปี 2019 เชื่อว่า AMD จะต้องเปิดตัว RYZEN 3000 และราคา ในงาน CES 2019 อย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม EPYC ขนาด 7nm ของ AMD จะเริ่มเข้าสู่ตลาดสำหรับ Desktop PC ก่อน RYZEN อย่างแน่นอน แต่ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูล หรือข่าวหลุดรายละเอียดของ EYPIC ทั้งในส่วนของ Core Speed , TDP หรือข้อมูลใด ๆ ที่เกียวกับมัน
ถึงแม้ว่า AMD จะยังไม่ได้ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ จากที่หลาย ๆ คนคาดไว้ว่าจะเป็นตัวออกมาในไตรมาสที่ 1 แต่จากที่คาดการณ์กันไว้ว่าจะเร็วกว่าไตรมาสที่ 3 อย่างแน่นอน แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งที่ AMD จะมีการเปิดตัว RYZEN 3000 ในช่วงไตรมาสที่ 2 เพราะเรายังไม่ได้เห็นข้อมูลใด ๆ ที่หลุดมาจากผู้ผลิตเมนบอร์ดหรือ ผู้ผลิตซอฟแวร์ต่าง ๆ ซึ่งข่าวหลุดเกี่ยวกับ CPU ส่วนใหญ่มันจะมาจากส่วนนี้
ในเร็ว ๆ นี้
ในงาน CES 2019 ที่จะถึงะเจ๊ Lisa Su ตำแหน่ง CEO AMD ได้ขึ้นเวทีใหญ่ของงาน CES นี้ มีความเป็นได้ว่า AMD จะมุ่งประเด็นสำคัญไปที่ RYZEN 3000 อย่างแน่นอน รวมถึงประเด็นการใช้เทคโนโลยีการผลิต 7nm เพื่อตอบโต้ Intel ที่ใช้เทคโนโลยีการผลิต 10 nm แต่จะดีมากกว่านี้ถ้าทาง AMD พัฒนาจุดแข๋งในเรื่อง Clock ควบคู่ไปกับการคลดขนาดเทคโนโลยี เพื่อทำให้สามารถรีด Clock Speed ในแต่ละ Core ได้สูงขึ้น รองรับการทำงานแบบ Sigle Treah ได้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น
ที่มา tomshardware