ปี 2022 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ยอดเยี่ยมสำหรับวงการเกม PC เนื่องจากมีเกมฟอร์มยักษ์ทั้งที่เป็นเกมใหม่และเกมภาคต่อเรียงคิวเปิดตัวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงที่ผู้คนทั่วโลกจำเป็นต้องกักตัวอยู่บ้านจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้บรรดาบริษัทเกมต่างแข่งกันปล่อยเกมใหม่ออกสู่ตลอดกันแบบเอาเป็นเอาตาย นับเฉพาะช่วงไตรมาสแรก (มกราคม – มีนาคม) ก็มีเกมเปิดให้เล่นกันหลายสิบเกมแล้ว วันนี้เราจึงจะมารวบรวม 7 เกมน่าเล่นประจำไตรแรกของปีนี้มาให้ทุกคนได้เลือกเล่นกัน
1. Dying Light 2
เกมแนวผจญภัยเปิดโลก (Survival Open World) ภาคต่อที่ถูกเลื่อนเปิดตัวยาวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ก่อนจะได้ฤกษ์วางขายอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยตัวเกมยังคงสานต่อเนื้อเรื่องจากภาคแรก ซึ่งว่าด้วยโลกที่ล่มสลายจากการทำลายล้างของฝูง “ซอมบี้” และผู้เล่นต้องรับบทตัวละคร “ไอเดน” (Aiden) ที่มีภารกิจตามหาน้องสาวที่หายตัวไป รวมถึงจัดการกับบรรดาซอมบี้ตามด่านต่าง ๆ เพื่อจบเกม
สำหรับระบบเกมเพลย์ของ Dying Light 2 ยังคงเป็นเกมแนวเอาตัวรอดจากฝูงซอมบี้ที่เน้นการวิ่งปาร์กัวร์ในเมืองเหมือนกับภาคแรก ทั้งการวิ่งสไลด์มุดหนีซอมบี้ หรือกระโดดหนีไปที่สูง แต่สิ่งที่เพิ่มเข้ามาก็คือผู้เล่นสามารถสำรวจเมืองได้อย่างอิสระมากขึ้น ตัวเกมมีพื้นที่ให้ผู้เล่นได้ผจญภัยเยอะขึ้นท่ามกลางฝูงซอมบี้ (ที่เหมือนจะมากขึ้นด้วย) ช่วยเพิ่มความสนุกตื่นเต้นไปอีกขั้น รวมถึงองค์ประกอบเกมเพลย์ใหม่ ๆ ที่ช่วยเพิ่มสีสัน เช่น เครื่องร่อน (Paraglider) ที่ผู้เล่นสามารถใช้บินสำรวจพื้นที่ต่าง ๆ ได้ หรือตะขอเกี่ยว (Grappling hook) สำหรับโหนตัวไปตามตึกซึ่งมีลูกเล่นดีกว่าภาคแรก ทั้งนี้ Dying Light 2 แบบ PC วางขายแล้ววันนี้ทั้งบน Steam และ Epic Store
2. Total War: Warhammer III
เกมแนววางแผนการรบ (Real Time Straregy) ภาคใหม่ล่าสุดจากตระกูล Total War ที่ยังคงมาพร้อมจุดเด่นเรื่องการวางแผนบัญชาการกองทัพที่มีทหารหน่วยต่าง ๆ ให้เลือกใช้นับร้อยประเภท มีกำลังทหารหลายพันชีวิต รวมถึงระบบการเล่นที่ผู้เล่นมีสถานะเป็นเหมือนกับ “เจ้าเมือง” หรือ “กษัตริย์” ต้องคอยบริหารแว่นแคว้นของตัวเองในภาพกว้างทั้งในแง่ของกำลังทหาร, เศรษฐกิจ, ทรัพยากร และความสัมพันธ์ทางการทูตกับแคว้นหรือเผ่าต่าง ๆ ด้วย ซึ่งถือเป็นเสน่ห์ของเกมตระกูลนี้มากว่า 20 ปีเลยทีเดียว
สำหรับระบบเกมเพลย์ของ Warhammer III เร็วขึ้นกว่าภาคก่อน ๆ พอสมควร เนื่องจากระบบการเล่นแบบหลายเผ่าทำให้แผนที่โลกทั้งหมดมีความน่าสนใจมากขึ้น รวมถึงทำให้การบริหารอาณาจักรสนุกมากขึ้นเพราะมีหลายเผ่าหลายแคว้นที่เราต้องเผชิญหน้าด้วย และที่สำคัญคือทำให้ผู้เล่นมีโอกาสทำสงครามกับแคว้นอื่น ๆ มากขึ้นด้วย ซึ่งทำให้สามารถจบเกมได้เร็วขึ้นกว่าภาคก่อน ๆ นั่นเอง ทั้งนี้ Warhammer III แบบ PC วางขายแล้ววันนี้ทั้งบน Steam และ Epic Store
3. ELEX II
เกมผจญภัยแบบ Sci-Fi Open World ภาคต่อที่ว่าด้วยเรื่องราวของโลกหลังยุคล่มสลายจากการถูกดาวหางพุ่งชน ตามมาด้วยการปรากฎของทรัพยากรที่มีพลังงานลึกลับที่ชื่อว่า “ELEX” ซึ่งผู้รอดชีวิตแต่ละกลุ่มก็ใช้พลังนี้ด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกัน เกิดเป็นการต่อสู้แบ่งฝักแบ่งฝ่ายในโลกที่เหลือแต่ซาก โดยภาคนี้ผู้เล่นจะยังคงรับบทเป็นตัวละคร “แจ็ก” (Jax) ที่แม้จะปราบตัวร้ายจากภาคแรกลงได้ แต่ในภาคนี้จะต้องต่อกรกับสิ่งมีชีวิตต่างดาวที่มากระตุ้นพลังงานด้านมือของ ELEX ซึ่งทางเดียวที่จะรับมือผู้รุกรานได้ก็คือต้องทำให้ทุกฝ่ายหันมาร่วมมือกัน
สำหรับระบบการเล่นของ ELEX II ยังคงเน้นการพจญภัยเปิดโลกที่ให้ผู้เล่นได้ออกสำนาจพื้นที่ต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ โดยจะมีไอเทม, สมบัติ รวมถึงศัตรู ซ่อนอยู่ตามส่วนต่างของแผนที่ ซึ่งผู้เล่นแทบจะไม่รู้เลยว่าจะเดินไปเจอกับอะไรบ้าง ถือเป็นเสน่ห์หลักของตัวเกมเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญคือตัวเกมภาคนี้มีระบบการเล่นแบบ Hover ที่ผู้เล่นสามารถบิน/ร่อนสำรวจแผนที่ รวมถึงต่อสู้บนท้องฟ้าตามสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ด้วย ทั้งนี้ ELEX II วางขายบน Steam และ Epic Store ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา
4. The Settlers
เกมแนวสร้างเมืองและวางกลยุทธ์ (Real Time Straregy) ที่เป็นการรีบูทตัวเกมภาคเก่าให้กลับมามีสีสันมากขึ้น ส่วนระบบการเล่นยังคงแบ่ง “เซตเลอร์ส” เป็น 3 ฝ่ายหลักเหมือนเกมภาคก่อน ๆ ซึ่งแต่ละฝ่ายต่างมีรูปลักษณ์, วิธีการเล่น และภูมิหลังไม่เหมือนกัน ทุกฝ่ายจะเริ่มเกมด้วยการตั้งรกรากบนแผ่นดินใหม่ ต้องวางแผนสร้างเมือง บริหารทรัพยากร รวมถึงสร้างกองทหารไว้ต่อกรกับ เซตเลอร์ส อื่น ๆ ที่เหลือ นอกจากนี้ตัวเกมยังมีโหมดให้ผู้เล่นได้เลือกเล่นถึง 3 โหมด ได้แก่ Campaign ที่เน้นการสร้างเมืองระยะยาวและจบเกมเมื่อทำลาย เซตเลอร์ส อื่นได้หมด, Skirmish ที่เป็นการเล่นทำภารกิจเป็นด่าน ๆ ไป และ Multiplayer ที่เล่นร่วมกับเพื่อนแบบออนไลน์ ทั้งนี้ The Settlers วางขายบน Epic Store แล้วตั้งแต่วันที่ 17 มีนาคม ที่ผ่านมา
5. Ghostwire: Tokyo
เกมแนวต่อสู้มุมมองบุคคลที่หนึ่ง (Action-FPS) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของกรุงโตเกียวที่จู่ ๆ ก็มีเหล่าภูติผีปีศาจลึกลับโผล่มาลักพาตัวคนไปยังมิติอื่น ซึ่งผู้เล่นต้องรับบทเป็น “อากิโตะ” เด็กหนุ่มที่ถูกวิญญาณประหลาดเข้าสิงระหว่างที่เหล่าภูติผีออกอาละวาด และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองกำลังนอนงง ๆ อยู่ในดงผี และต้องใช้พลังพิเศษที่ตัวเองได้รับเข้าต่อสู้เหล่าภูตผีไปตามท้องถนนของโตเกียว
สำหรับระบบการเล่นของ Ghostwire: Tokyo ก็แทบจะไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่สวมบทเป็นตัวละครที่มีพลังพิเศษไล่ปราบผีไปทั่วเมือง โดยพลังที่เราใช้จะแบ่งเป็นธาตุต่าง ๆ ซึ่งจะมีจุดเด่นต่างกัน เช่น พลังธาตุลมจะใช้สำหรับการโจมตีรวดเร็ว, พลังธาตุไฟไว้โจมตีแบบรุนแรง, พลังธาตุน้ำไว้ทำลายการป้องกันของศัตรู เป็นต้น แถมเรายังสามารถใช้ไอเอมพิเศษต่าง ๆ เช่น พวกเครื่องรางในการต่อสู้ได้อีกด้วย ถือเป็นเกมที่คอเกมสาย FPS ไม่ควรพลาด ทั้งนี้ Ghostwire: Tokyo วางขายบน Steam และ Epic Store ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา
6. God of War
เกมแอคชั่นผจญภัยแนว RPG ระดับตำนาน ซึ่งก็ต้องบอกว่าตัวเกมเวอร์ชั่น PC นี้ ไม่ได้มีเนื้อหาต่างจากเวอร์ชั่น PS4 เมื่อปี 2018 แต่อย่างใด ยังคงเป็นเรื่องราวของ “เครโทส” (Kratos) ที่ดำเนินต่อจากภาค 3 หลังร่วงจากหน้าผา เขาก็ลอยมาเกยตื้นที่ดินแดนนอร์ส ก่อนจะพบรักใหม่กับผู้หญิงคนหนึ่งจนมีลูกชายด้วยกันชื่อว่า “อเทรอัส” (Atreus) หลายปีผ่านไปภรรยาของ เครโทส เสียชีวิตลงพร้อมกับคำสั่งเสียให้สองพ่อลูกเอาเถ้ากระดูของเธอไปโปรยที่ยอดเขาสูงสุดของแดนนอร์สทั้ง 9 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการผจญภัยบทใหม่
สำหรับ God of War เวอร์ชั่น PC แม้จะเป็นตัวเกมเดียวกันกับเวอร์ชั่น PS4 แต่ก็มีการพัฒนาระบบการเล่นให้รองรับการบังคับด้วยเมาส์และคีย์บอร์ด แต่หากใครมีคอนโทรลเลอร์ก็สามารถใช้ร่วมกันได้เช่นกัน ส่วนเรื่องระบบการเล่นก็เปลี่ยนจากเกมแนว Hack & Slash มาเป็นแนว RPG เต็มตัว คือผู้เล่นจะไม่สามารถผ่านไปสู่ด่านต่อไปได้แบบชิว ๆ เหมือนภาคก่อน ๆ หากไม่มีการเก็บเลเวลหรือฟาร์มตัวละครให้แกร่งพอ ซึ่งเป็นระบบการเล่นที่ท้าทายฝีมือของผู้เล่นพอสมควร ทั้งนี้ God of War วางจำหน่ายแล้วใน Steam และ Epic Store เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา
7. LEGO Star Wars: The Skywalker Saga
เกมต่อสู้ผจญภัยกึ่ง ๆ Open World ที่เป็นการรวมญาติตัวละครจากภาพยนตร์ Star Wars ทั้ง 9 ภาคไว้ด้วยกัน โดยมีเนื้อเรื่องหลักเหมือนกับหนังไล่ตั้งแต่ Episode 1 – Episode 9 แต่ตัดทอนบางส่วนไปเพื่อให้กระชับและเข้าใจง่ายขึ้น ทำให้คนที่ไม่เคยดูหนังมาก่อนก็เล่นเข้าใจได้ไม่ยาก ส่วนเรื่องระบบการเล่นนั้น ผู้เล่นจะต้องสวมบทบาทเป็นตัวละครต่าง ๆ ที่มีให้เลือกเล่นมากกว่า 300 ตัว เพื่อทำภารกิจตะลุยด่าน ซึ่งก็มีทั้งการขับยานไล่ยิงกันในอวกาศ, การประลองดาบเลเซอร์, สำรวจดวงดาว ไปจนถึงการนำกองทัพต่อสู้ในสนามรบ เรียกได้ว่าใครที่เป็นสาวก Star War ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง ทั้งนี้ LEGO Star Wars: The Skywalker Saga วางจำหน่ายแล้วใน Steam และ Epic Store เมื่อวันที่ 5 เมษายน ที่ผ่านมา
ทั้งหมดนี้คือ 7 เกมน่าเล่นประจำไตรมาสแรกของปี 2022 ที่เรานำมาฝากกัน แน่นอนว่ายังมีเกมน่าสนใจอีกมากที่เตรียมวางขายในปีนี้ ซึ่งคงต้องอดใจรอกันอีกนิด แต่ที่สำคัญคือต้องช่วยกันสนับสนุนเกมแท้ถูกลิขสิทธิ์เท่านั้น เพื่อสนับสนุนให้ค่ายเกมพัฒนาเกมใหม่ ๆ ให้เราเล่นกันต่อไป