สำหรับใครที่เป็นสาวกสมาร์ทโฟนค่าย Samsung ย่อมต้องคุ้นเคยกับมือถือเรือธงตระกูล Galaxy S Series เป็นอย่างดี ซึ่งนับตั้งแต่ที่ Galaxy S รุ่นแรกเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปี 2010 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลากว่า 12 ปีเข้าไปแล้ว จนกระทั่งเดินทางกันมาถึงรุ่นล่าสุดอย่าง Galaxy S22 ที่เพิ่งเปิดตัวไปสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมันมาพร้อมสเปกระดับท็อปและฟีเจอร์ใหม่ ๆ หลายรายการที่ Galaxy S รุ่นก่อนหน้าไม่เคยมีมาก่อน ฉะนั้น วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ 5 จุดเด่นใน Galaxy S22 ที่สาวกแบรนด์ Samsung ไม่ควรพลาด
1. หน้าจอแสดงผลแบบ Dynamic AMOLED 2X

Galaxy S22 มาพร้อมหน้าจอแสดงผลรุ่นใหม่แบบ Dynamic AMOLED 2X ขนาด 6.1 นิ้ว ความคมชัดระดับ FHD+ (1080 x 2340 พิกเซล) มีค่าความหนาแน่นของเม็ดพิกเซลอยู่ที่ 422ppi ซึ่งถือว่าละเอียดจนแทบมองไม่เห็นเม็ดพิกเซลบนหน้าจอได้ด้วยตาเปล่าแล้ว สามารถปรับความสว่างสูงสุดถึง 1,300nits รองรับการแสดงภาพแบบ HDR10+ แถมยังมีเทคโนโลยี LTPO ที่สามารถปรับอัตรารีเฟรชเรทหน้าจอแบบอัตโนมัติตั้งแต่ 48 – 120 Hz เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน ตัวอย่างเช่น หากเป็นการเปิดเว็บเบราว์เซอร์ หรือใช้งานโซเชียลมีเดีย หน้าจอก็จะปรับรีเฟรชเรทน้อยลง แต่หากเล่นเกมหรือชมภาพยนตร์ หน้าจอก็จะปรับรีเฟรชเรทเต็มที่เพื่อแสดงผลได้อย่างลื่นไหล เป็นต้น
2. ชิปประมวลผล Snapdragon 8 Gen 1

สำหรับใครที่คุ้นเคยกับสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy S รุ่นก่อน ๆ ย่อมต้องทราบดีว่าปกติแล้วทาง Samsung มักจะเลือกใช้ชิปเซ็ตตระกูล Exynos ที่พัฒนาขึ้นเองกับสินค้ารุ่นวางจำหน่ายในประเทศไทยและบางประเทศในโซนเอเชีย ผิดกับรุ่นวางจำหน่ายในโซนยุโรปหรืออเมริกาที่มักจะใช้ชิปตระกูล Snapdragon ของ Qualcomm ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่าเล็กน้อย ยกตัวอย่าง Galaxy S21 รุ่นขายในไทยใช้ชิป Exynos 2100 แต่ในโซนยุโรปใช้ชิป Snapdragon 888 เป็นต้น
แต่สำหรับ Galaxy S22 ทาง Samsung ได้เลือกนำรุ่นที่ใช้ชิป Snapdragon 8 Gen 1 ของ Qualcomm เข้ามาทำตลาดในบ้านเราแทน โดยมันผลิตบนสถาปัตยกรรมขนาด 4 นาโนเมตร ใช้ซีพียูหลักเป็น Cortex-X2 จำนวน 1 Core, ซีพียูกลางเป็น Cortex-A710 จำนวน 3 Core และซีพียูประหยัดพลังงาน Cortex-A510 จำนวน 4 Core ความเร็วสูงสุดถึง 3.0GHz ทำงานร่วมกับหน่วยประมวลผลกราฟิก Adreno 730 ที่สามารถเล่นเกมกราฟิกกสูง ๆ ได้ลื่นไหลไม่มีสะดุด แถมยังเพิ่มความสามารถการประมวลผลภาพของ AI ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการถ่ายภาพ โดยเฉพาะการถ่ายภาพในที่แสงน้อย ถือเป็นชิปประมวลผลตัวท็อปที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ว่าได้
3. กล้องหลังประสิทธิภาพสูงขึ้น

ประสิทธิภาพของกล้องหลังถือเป็นจุดเด่นของมือถือตระกูล Galaxy S แทบทุกรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายภาพนิ่งหรือวิดีโอ ยกตัวอย่าง Galaxy S10 ที่มีกล้องหลังรองรับการถ่ายวิดีโอระดับ 4K เครื่องแรก ๆ ของโลก หรือ Galaxy S20 ที่มาพร้อมกล้องหลังความละเอียด 108MP รองรับการถ่ายวิดีโอ 8K จนกระทั่งถึง Galaxy S21 ที่เพิ่มเทคโนโลยีการถ่ายภาพแบบไฟล์ RAW สำหรับช่างภาพมืออาชีพ
พอมาถึง Galaxy S22 มันก็มาพร้อมกล้องหลัง 3 ตัว (Triple Camera) ประกอบด้วยกล้องหลักความละเอียด 50MP, กล้อง Ultrawide ความละเอียด 12MP มุมกว้าง 120 องศา และกล้อง Telephoto ความละเอียด 10MP เสริมด้วยระบบป้องกันภาพสั่นไหว OIS รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียด 8K ที่ 24 เฟรมต่อวินาที และความละเอียด 4K ที่ 30/60 เฟรมต่อวินาที นอกจากนี้มันยังมาพร้อมเทคโนโลยีการถ่ายภาพในที่มืดอย่าง Nightography ซึ่งเป็นการรวมพิกเซลแสงที่เกิดขึ้นเข้ามาช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพได้มากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI Multi Frame มาช่วยบันทึกภาพนิ่งสูงสุด 20 เฟรมต่อรูป ซึ่งจะช่วยให้เก็บรายละเอียดของภาพในสภาวะแสงน้อยได้ครบถ้วน
4. ลำโพงปรับจูนโดย AKG

Galaxy S22 มาพร้อมลำโพง 32 bit/384kHz ที่ปรับจูนโดยแบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำอย่าง AKG ติดตั้งอยู่บริเวณด้านล่างของตัวเครื่อง รองรับระบบเสียง Dolby Atmos ที่ให้ประสบการณ์การชมคลิปวิดีโอบน YouTube หรือดูหนังผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งต่าง ๆ ด้วยเสียงเซอร์ราวด์ดังกระหึ่มและมีมิติคมชัดมากขึ้น แถมยังใช้งานร่วมกับหูฟัง Bluetooth ได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ปรับแต่งเสียง Adapt Sound ที่สามารถปรับแต่งความถี่เสียงให้เหมาะกับอายุของผู้ใช้งานในแต่ละช่วงวัย ช่วยเพิ่มความคมชัดและมิติของเสียงได้มากขึ้น
5. กระจกหลังแบบ Corning Gorilla Glass Victus+

แม้ว่าหากมองผ่าน ๆ ดีไซน์ของ Galaxy S22 จะดูคล้าย S21 แต่หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่ามีการปรับเปลี่ยนในหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนมาใช้เฟรมตัวเครื่องที่ผลิตจากวัสดุประเภทอลูมิเนียมแข็ง (Armor Aluminum) แบบเดียวกับ Galaxy Z Fold3 และ Z Flip3 ทำให้เฟรมตัวเครื่องมีความแข็งแรงยิ่งขึ้น รวมถึงกระจกด้านหลังตัวเครื่องที่เปลี่ยนมาใช้กระจกนิรภัย Corning Gorilla Glass Victus+ แทนที่กระจกแบบโพลีคาร์บอเนตที่อยู่ใน Galaxy S21 ทำให้สามารถป้องกันแรงกระแทกและรอยขีดข่วนได้ดีขึ้น สามารถกันน้ำ/กันฝุ่นระดับ IP68 หรือกันน้ำลึก 1.5 เมตร ไม่เกิน 30 นาที แถมยังให้ความรู้สึกพรีเมียมมากขึ้นด้วย
ทั้งหมดนี้คือ 5 จุดเด่นของ Samsung Galaxy S22 ที่สาวกสมาร์ทโฟนตระกูล Galaxy ไม่ควรพลาด แต่หากใครต้องการมือถือขนาดใหญ่กว่านี้หน่อย การขยับไปใช้ Galaxy S22+ และ S22 Ultra ที่เป็นรุ่นอัพเกรดในซีรีส์เดียวกันก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ เพียงแต่ต้องมีงบประมาณที่สูงกว่า S22 สักหน่อยเท่านั้น